รายงานจาก Thought —Leadership เรื่อง: เหตุใดการวางแผนแบบบูรณาการและต่อเนื่องจึงสำคัญยิ่งต่อธุรกิจแฟชั่น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 11, 2012 11:11 —กรมส่งเสริมการส่งออก

อากาศเริ่มเย็นลงและได้เริ่มเข้าฤดูหนาวปี 2011 ร้านค้าแฟชั่นมีแผนอยู่ในใจไว้แล้วสำหรับสินค้าฤดูหนาวในปี 2012 การวางแผนการซื้อขายสินค้าและการจัดประเภทสินค้าในหนึ่งปีฤดูการทำธุรกิจเป็นเรื่องปกติของร้านค้าเครื่องแต่งกายต่างๆ แต่หลายบริษัทได้เริ่มเรียนรู้ว่าการทำตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเช่นนี้จะทำให้พลาดแนวโน้มแฟชั่นและพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นจริง

ทำอย่างไรให้แบรนด์เสื้อผ้าและร้านค้าวางแผนได้ล่วงหน้าเพียงพอในการออกแบบ พัฒนา ผลิตสินค้าและการส่งสินค้าของตัวเองในช่วงฤดูกาลหนึ่ง ในขณะเดียวกันยังคงความสามารถที่จะปรับเปลี่ยนแผนการต่างๆ ได้เมื่อจำเป็นเช่น การเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่ของร้านค้า? คำตอบคือการนำเอาการบูรณาการและการติดตามผลในการวางแผนและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ โดยทั่วไปวงจรการวางแผนของบริษัทเสื้อผ้าเริ่มจากการวางแผนระดับสูงโดยใช้ข้อมูลในอดีต ในการกำหนดเป้าหมายในการการผลิตสินค้า การเงินและระบบคลังสินค้าในสินค้าแต่ละฤดูกาล จากนั้น จึงกำหนดเป้าประสงค์ย่อยๆ ลงมาในส่วนต่างๆ เช่นกระบวนการ การออกแบบ การพัฒนาสินค้า การผลิต การกระจายสินค้า และอายุของสินค้าเมื่อสินค้ามาถึงร้านค้า ข้อมูลการขายจะเริ่มต้นขึ้นและบริษัทก็จะทราบว่าแผนการที่ดำเนินมาได้ผลหรือไม่ หากมีข้อผิดพลาดก็ยังมีโอกาสที่จะทบทวนแผนการดำเนินงานในระหว่างฤดูกาลนั้นๆ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ได้กำหนดไว้

วิธีการใหม่ในการวางแผนการค้า

“การวางแผนการซื้อสินค้าจะใช้ระยะเวลาหลายเดือนล่วงหน้าเสมอ แต่เมื่อใกล้ถึงกำหนดวันที่จะลงสินค้าร้านค้าจะรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคของลูกค้าของตน และควรจะสามารถจัดสรรสินค้าไปยังร้านต่างๆ ได้โดยคำนึงถึงความต้องการและลักษณะการบริโภคของลูกค้าเป็นหลัก” Mr.Kvin Sterneckert, Vice president ด้านการวิจัยและห่วงโซ่อุปทานผู้บริโภคของบริษัท Gartner กล่าวว่า “การมีการจัดสรรที่ถูกต้องช่วยบริษัททำการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าได้ในปริมาณและเวลาที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงทำให้ร้านค้าสามารถขายสินค้าให้เต็มราคาได้เพิ่มขึ้น”

“ในปัจจุบันเป็นที่แน่นอนว่าวิธีการแบบองค์รวมนี้เป็นความจำเป็นเพราะจะทำให้สามารถปรับแผนใหม่ได้ในระหว่างฤดูกาล” Mr. Greg Girard, Program Director ด้านกลยุทธ์การขาย บริษัท IDC Retail Insights กล่าว “เพราะว่าปัจจุบันนี้การตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทต้องเอาผลกระทบต่างๆ ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของบริษัทมาประมวลและต้องสามารถบอกได้ว่าผลกระทบนั้นมีผลอย่างไรกับแผนที่วางไว้”

ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้เป็นสาเหตุใหญ่ของความจำเป็นที่จะต้องใช้การวางแผนแบบบูรณาการและต่อเนื่อง สภาพเศรษฐกิจและความหลากหลายของช่องทางการซื้อสินค้าเป็นสองปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการวางแผนของร้านค้าปลีกในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา

ต้องขอบคุณในช่วงขาลง ลูกค้าที่มีศักยภาพมีความแตกต่างกันอย่างมากเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีก่อน ลูกค้าจำนวนมากได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อหางานใหม่ และจำนวนมากขึ้นอยู่กับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการลดราคาสินค้าเป็นสิ่งจูงใจในการซื้อ Mr. Sterneckert กล่าวว่า “ถ้าบริษัทใช้ข้อมูลในอดีตในการวางแผนอนาคตเพียงเริ่มต้นก็จะเกิดข้อบกพร่องแล้ว”

ข้อที่สอง วิธีการที่จะทำให้ลูกค้าได้รู้จักสินค้ารวมทั้งช่องทางกระจายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวิธีแบบดั้งเดิม (Brick and Mortar) คือการเปิดร้านค้าของตัวเองและการใช้แคตตาลอกสินค้า การใช้วิธีทาง e-commerce การทำการค้าทางโทรศัพท์มือถือและใช้ Social Media ในการเพิ่มโอกาส ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจจึงไม่ควรละเลยที่จะวางแผนธุรกิจสำหรับช่องทางการขายต่างๆ ที่กล่าวมา ทั้งนี้ คุณต้องแน่ใจว่าจะมีสินค้าเพียงพอสำหรับช่องทางที่ลูกค้าของคุณซื้อสินค้าจากคุณมากที่สุด

เนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนวิธีการในการซื้อ โดยหันมาใช้ช่องทางที่หลายหลากและสะดวกสบายมากขึ้น ร้านค้าต่างๆ จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการวางแผนและการบริการลูกค้าของตัวเอง เหมือนกับผู้ซื้อไม่มองถึงความแตกต่างของช่องทางการซื้อแต่มองที่แบรนด์สินค้าเป็นหลัก ดังนั้นแบรนด์ทั้งหลายต้องทำให้ตัวเองปรากฎอยู่ในทุกช่องทางการขาย และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆ แนวคิดคือคำนึงถึงช่องทางการซื้อที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็วางแผนบูรณาการสำหรับช่องทางเหล่านั้นทั้งหมด

“ผู้บริโภคมีความคาดหวังหรือความตั้งใจในการซื้อสินค้าในแต่ละช่องทางการขายแตกต่างกัน ผู้ซื้อจำนวนมากมองหาราคาที่ถูกที่สุดในสื่อ online มากกว่าการเข้าไปดูของในร้านค้า ผู้ซื้อคาดหวังการบริการแตกต่างกันในแต่ละช่องทาง” Mr. Sterneckert อธิบาย “บริษัทเสื้อผ้ามีความจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและต้องมีความสามารถในการแปลข้อมูลเหล่านั้นสำหรับการวางแผนของร้านค้า แคตตาลอก ระบบonlineและในโทรศัพท์มือถือ”

ยกตัวอย่าง ร้านค้าของประเทศอังกฤษ ห้างสรรพสินค้า Harrods ใช้กลยุทธ์การเก็บสินค้าที่แตกต่างอย่างมากระหว่างร้านค้า Knightsbridge และเวปไซต์

“ในร้านค้าของเรามีลักษณะกว้างและตื้น หมายความว่าการเก็บสินค้าที่หลากหลาย แต่เราจำกัดในเรื่องขนาด (sizing) และจำนวน แต่ระบบ online มีลักษณะแคบและลึก คือมีจำนวนสินค้า SKUs (Stock Keeping Unit) ที่น้อยกว่า สินค้าหลายขนาดกว่าและสีของสินค้ามีให้เลือกมากกว่า” Mr. David Liamas, CIO บริษัท Harrods อธิบาย

ดังนั้น บริษัทเสื้อผ้าจะทำอย่างไรกับแนวโน้มเหล่านี้และต้องทำอย่างไรเพื่อพัฒนาแผนของตนเอง? ขั้นตอนแรก ต้องรวมหน่วยงาน (แผนก) ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนมาทำงานร่วมกัน จากเดิมที่แผนกซื้อ (Merchandising) ดูเหมือนจะครอบครองการวางแผนแต่ผู้เดียว ร้านค้าต่างๆ ตระหนักว่าการตลาดเป็นปัจจัยหลักของการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์และการติตต่อสื่อสารกับลูกค้า ดังนั้น การเชื่อมต่อของแผนกต่างๆ จึงเป็นความสำคัญของการวางแผนงาน บริษัทเสื้อผ้าจำนวนมากมองไม่เห็นวิธีการนี้ บทบาทและการตัดสินใจจะเกิดขึ้นในการพัฒนาแผนต่างๆ กลยุทธใหม่นี้เป็นการรวมเอาระบบการเงิน การขาย การตลาด การพัฒนาสินค้าและห่วงโซ่อุปทานมาประกอบการวางแผนในการตัดสินใจ

การวางแผนสำหรับ ลูกค้า หุ้นส่วนและพื้นฐานสำคัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ดังเสื้อผ้าจำเป็นที่จะต้องมีการใช้แผนต่างๆ ร่วมกัน ไม่ใช่เพียงเพื่อที่จะบริการลูกค้าให้ดีขึ้นในช่องทางการขายทั้งหลายแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องทำหุ้นส่วนร้านค้าของตัวเองพอใจด้วย ดูตัวอย่างจากแบรนด์เสื้อผ้าทำงาน Carhartt ช่องทางการกระจายสินค้าของบริษัทนี้รวมถึงสามร้านค้าปลีกของตัวเองและ เวปไซต์ที่บริษัทเป็นเจ้าของกับอีก 5,800 ร้านค้าปลีกครอบคลุม เขตต่างๆ 11,000 เขตร้านค้าของบริษัทใหญ่เช่น บริษัท Cabela’s และ Tractor Supply จนถึงผู้กระจายสินค้าขนาดเล็ก เช่น ร้าน Army-Navy และ ร้าน Western wear ความหลากหลายของร้านค้าประเภทต่างๆ ตรงกับสินค้าของบริษัท Carhartt เป็นอย่างดี แต่เห็นได้ชัดว่าการวางแผนสำหรับคู่ค้าที่หลากหลายนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่ายเลยของบริษัท Dearborn, Mich ซึ่งเป็นบริษัทฐานของบริษัท Carhartt

Mr. Jeff Gragg, CIO บริษัท Carhartt’s กล่าวว่า “ เราเป็นโรงงานผลิต ร้านขายส่งและร้านขายปลีก ซึ่งทำให้เราอยู่ในฐานะที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ เมื่อเราคิดเกี่ยวกับเรื่องการวางแผน”

“ในกรณีหนึ่ง เรากำลังตรวจสอบว่าอะไรเป็นแผนการผลิตที่ได้ผลมากที่สุดและอะไรที่เราสามารถผลิตในฐานะผู้ผลิต ในอีกแผนหนึ่ง เรากำลังมองหาว่าเราสามารถส่งสินค้าถึงลูกค้าอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรามีความสนใจว่าลูกค้ามีความรู้สึกอย่างไรกับสินค้าของเราเมื่อสินค้าอยู่บนชั้นแสดงสินค้าและผลกระทบต่อการวางแผนในสินค้าในฤดูกาลนั้น” Mr. Jeff Gragg ยังเพิ่มอีกว่า “ในช่องทางการขายของเรามีความหลากหลาย ในแต่ละช่องทางมีลูกค้าและลักษณะความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน”

ในการที่จะแยกและวิเคราะห์การวางแผนในแต่ละช่องทางการตลาด คู่ค้าปลีกและผู้บริโภคที่มีความแตกต่างกันให้มาบรรจบกันนั้น บริษัท Carhartt ได้ใช้เครื่องมือคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เช่น (SaaS) ที่เป็นพื้นฐานการแก้ปัญหาจาก Predictix ในการจัดการกับแผนการซื้อขายสินค้า การวางแผนการบัญชีและการวางแผนอุปสงค์ ปัจจุบันนี้บริษัท Carhartt ไม่เพียงแต่พัฒนาแผนงานแบบเบ็ดเสร็จเท่านั้น แต่บริษัทสามารถประสานส่วนต่างๆที่เหลือจากห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ซึ่งนำไปสู่ การตอบรับอย่างรวดเร็วรองรับความต้องการสินค้าที่ผันผวนของกลุ่มลุกค้า

Mr. Gragg อธิบายว่า “เราสามารถรวมแผนของเราเข้าไปกับวงจรการผลิตสินค้า ดังนั้นจึงทำให้ได้รับประโยชน์สุดสุดจากการปฎิบัติงานพื้นฐานของทั้ง supply chain”

ก่อนหน้าที่จะมีนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ บริษัท Carhartt ได้เคยบริหารด้วยการใช้การวางแผนอุปสงค์ที่ล้าสมัยและใช้วิธีการคำนวนที่อยู่บนกระดาษ ซึ่งเป็นการจัดการแบบรวมศูนย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ

Mr. Gragg กล่าวว่า “เมื่อก่อนเราไม่สามารถวิเคราะห์ในเชิงลึกเหมือนในปัจจุบันนี้และเมื่อก่อนเราไม่บูรณาการเหมือนวันนี้ โดยใช้แหล่งข้อมูลและโปรแกรมซอฟต์แวร์ซึ่งมีฐานจากโปรแกรม SaaS (SaaS based application) และหลีกเลี่ยงการใช้โปรแกรมใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้บริษัทต้องเสียเงินและเวลาในการจัดการ “ปัจจุบันนี้เราสามารถกำหนดแผนงานและดูว่ามีผลอย่างไรต่อแผนการซื้อขายสินค้า และจากนั้นเทียบความสัมพันธ์ทางบัญชีหรือแผนในด้านอื่นๆ ชึ่งเราสามารถเปลี่ยนแผนหนึ่งไปยังอีกแผนหนึ่งได้ง่ายและรวดเร็วตามความเหมาะสม” เขาอธิบายว่า “ผลประโยชน์ที่ได้คือการที่การนำเอาข้อมูลจำนวนมากจากหลายๆ ส่วนมาบูรณาการทำให้เราไม่พลาดข้อมูลที่สำคัญและจะได้ดำเนินงานไปในทางทิศทางเดียวกันกับที่มีการวางแผน”

ประโยชน์อีกประการที่เกิดขึ้นคือ บริษัท Carhatt มีความมั่นใจในความสามารถที่จะทำนายความต้องการ ในรูปแบบและ SKUs (Stock Keeping Unit) ของสินค้าในช่องทางการขายที่หลากหลายและสินค้าในแต่ละฤดูกาล ทำให้เห็นความต้องการของลูกค้าในสถานที่ที่ถูกต้อง และเวลาที่ถูกต้อง ส่งผลในการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ Mr. Gragg คาดหวังไว้

Mr. Gragg อธิบายว่า “ด้วยความแม่นยำและแผนงานแบบบูรณาการ เราสามารถทำให้รายรับและผลกำไรของเราและคู่ค้าเพิ่มขึ้น และในเวลาเดียวกันเพิ่มความพอใจของผู้บริโภคด้วย”

ศิลปะและวิทยาการของการวางแผน

บริษัท Carhartt เป็นแค่หนึ่งในหลายบริษัทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้เทคโนโลยีในการช่วยวางแผนในตลาดและธุรกิจทีมีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน — จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะบริการลูกค้าและร้านค้าต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น — ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของธุรกิจปัจจุบัน วิทยาศาสตร์และการวิเคราะห์กำลังกลายเป็นสิ่งที่นำมาใช้อย่างแพร่หลายและนำมาสนับสนุนการตัดสินใจของธุรกิจค้าปลีก สิ่งเหล่านี้สร้างความเข้าใจและนำมาใช้ในการวางแผนสำหรับผู้บริโภค

Mr. Sterneckert ระบุว่า “จากที่เคยใช้แนวทางการเลือกสินค้าแบบดั้งเดิม ปัจจุบันนี้ต้องใช้ศิลปะและวิทยาการของการวางแผน”

เทคโนโลยีทำให้บริษัทเครื่องแต่งกายได้นำการบูรณาการและติดตามผลมาใช้ในการวางแผน และทำให้บริษัทเกิดระดับการแข่งขันที่แตกต่างกัน

บริษัท IDC’s Girard กล่าวว่า “การสร้างแผนเคยเป็นงานที่ยากลำบาก เวลาที่ใช้สำหรับการวางแผนใช้เวลามากเกินไปจนไม่สามารถตามความเปลี่ยนแปลงได้ทัน แต่ต้องขอบคุณเทคโนโลยีทั้งหลายที่ทำให้ บริษัทต่างๆสามารถสร้างแผนที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยในการแข่งขันในตลาดได้”

เครื่องมือการวางแผนบูรณาการเป็น “ความสามารถที่จะนำเอาวิทยาการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่เป็นผลการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์” Mr. Girard เพิ่มอีกว่า การกำหนดราคาขายและการลดราคาสินค้าที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นต้องมีการวิเคราะห์ เหมือนที่ได้อธิบายก่อนหน้านี้ในการใช้รูปแบบต่างๆ ที่พัฒนาจากการวิเคราะห์ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ “ปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถช่วยแบรนด์เครื่องแต่งกายและร้านค้าสร้างแผนที่เหมาะสมกับสินค้าในร้านค้าที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและรูปแบบการขาย วิธีการต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้มีผลต่อรายรับ กำไรสุทธิและความพึงพอใจของลูกค้า”

สำหรับบริษัทจำนวนมากไม่ใช่แค่นำเทคโนโลยีมาใช้แต่ยังเลือกแนวทางที่จะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแก้ปัญหาด้วย แนวทาง Cloud — based Solutions เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมากและซับซ้อนสำหรับการทำแผน เนื่องจากแนวทางนี้สร้างขึ้นเพื่อธุรกิจเครื่องแต่งกายในปัจจุบันซึ่งต้องการแนวทางที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก

มุ่งเน้นตัวข้อมูล ไม่ใช่กระบวนการในการวิเคราะห์

ในกรณีนี้เหมือนกับห้างสรรพสินค้า Harrods ที่เลือกใช้วิธี Cloud-based integrated planning solution จาก Predictix สำหรับการบริหารการเงินและการวางแผนการซื้อขายสินค้า ในแผนกสินค้าเสื้อผ้าผู้หญิงอย่างเดียวใช้เงิน 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการรักษาสินค้าในคลังสินค้า SKUs (Stock Keeping Unit) ร้าน Harrods ได้ดิ้นรนหาวิธีในการวางแผนหาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจากระบบธุรกิจที่เคยทำสำเร็จมาก่อน (Homegrown System - การรวบรวมข้อมูลของคลังสินค้า เครื่องมือการหาข้อมูลทางธุรกิจที่ล้าสมัยและชุดของตารางการคำนวณ)

Mr. Llamas อธิบายว่า “มันเป็นการยุ่งยากอย่างมากสำหรับเราในการสังเคราะห์ข้อมูลจากระบบที่เราใช้ก่อนหน้านี้อีกทั้งข้อมูลที่เราเข้าถึงก็ขาดทั้งมุมมองในมิติต่างๆ (ยกตัวอย่างเช่นมุมมองสินค้าของ ผู้บริโภคหรือห้างสรรพสินค้า) และการขัดเกลาข้อมูลในระดับที่แตกต่างกันในรายละเอียด ที่เราสามารถย่อคำถามและการถามคำถาม” สิ่งเหล่านี้เป็นข้อจำกัดที่สำคัญเพราะมันจำกัดความสามารถของเราในการวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผน

ด้วยวิธีการใหม่นี้ ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการสินค้าและรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลในเรื่องต่างๆ เช่น การขายผ่าน (Sell-Through) ตัวเลขยอดจำหน่าย (Sale Figure) อัตราส่วนต่างขั้นต้น (Gross Margin) การวิเคราะห์เหล่านี้เคยต้องใช้ระยะเวลานาน “เราไม่ต้องให้มีการคอยการดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมด เราสามารถดึงเฉพาะข้อมูลเฉพาะที่เราต้องการและวิเคราะห์ข้อมูลนั้นได้” Mr. Llamas อธิบาย

ขณะที่บริษัททำแค่เพียงการวางแผนการแก้ปัญหา ในไม่กี่เดือนนี้ Mr. Llamas คาดหวังว่าจะเกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ รวมทั้งการตั้งเป้าหมายของระบบการเงินในช่วงฤดูกาลของสินค้าแฟชั่นและการปรับกรอบงบประมาณ โปรแกรมนี้จะทำให้ห้างสรรพสินค้า Harrods มีความรวดเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละอาทิตย์ และจะกำหนดว่าจะปรับปรุงแผนอะไรที่จำเป็นเพื่อที่จะให้ถึงเป้าหมายการเงินที่ตั้งไว้และการเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีสำหรับการทำนายการซื้อขายสินค้า Mr. Llamas อธิบาย

ความสามารถของ Cloud base application ยังมีประโยชน์อีกหลายแง่มุมซึ่งเหมาะกับปัญหาและความต้องการของ Harrods “การเข้าถึงการแก้ปัญหาโดยใช้วิธีนี้ทำให้เกิดประโยชน์ที่แน่นอนคือ ผู้จำหน่าย (vendor) ของเราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยไม่ต้องกังวลถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware) หรือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

Mr. Sterneckert กล่าวว่า“ประโยชน์ของการนำวิธีนี้มาใช้ได้แก่ การขายสินค้าเต็มราคาได้มากขึ้น เพิ่มปริมาณการขาย เพิ่มโอกาสในการแข่งขันและการเพิ่มขึ้นของรายได้” เป็นที่ยอมรับว่าวิธีการนี้เป็นวิธีที่ดีเกินคาด “มันไม่ใช่แค่แนวทางแก้ปัญหาทั่วไป ประโยชน์ที่ได้รับจากวิธีการนี้มากมายจริงๆ”

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก 2012  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ