ช่องทางและแนวโน้มการตลาด: มีอะไรใหม่ในปี ๒๐๑๒

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 9, 2012 16:20 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ในทศวรรษใหม่นี้เราทุกคนเห็นความเปลี่ยนแปลงในวิธีทางการตลาดและการเข้าถึงผู้บริโภค เพื่อให้การตลาดมีประสิทธิภาพสิ่งสำคัญเราต้องรู้ว่าการทำงานด้านการตลาดเป็นอย่างไรและวิธีการตลาดวิธีไหนที่ใช้ได้ผลและไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม วิธีทางการตลาดที่จะกล่าวถึงต่อไปเป็นแนวโน้มกว้างๆ ซึ่งหากบริษัทของท่านมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะ อาจมีวิธีทางการตลาดที่แตกต่างไป

ในปีนี้มี 5 วีธีทางการตลาดและแนวโน้มการตลาดที่ควรจับตามอง เราเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาและในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน แนวโน้มและวิธีทางการตลาดที่จะต้องจับตามอง ได้แก่

1. การตลาดบนโทรศัพท์มือถือ/ Tablets และอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ

จากรายงานของ CTIA Wireless Association รายงานว่าคนอเมริกันเกินกว่า 250 ล้านคนใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งมากกว่าร้อยละ 80 ของประชากรทั้งประเทศ Applications บนโทรศัทท์มือถือมีการพัฒนามากขึ้น Smartphone และ Tablet จะเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของเรา สิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นแค่อุปกรณ์ที่เอาไว้รับส่ง e-mail ข้อความ ตารางนัดหมายและเปิดดูเวปไซต์เท่านั้น ในหลายพื้นที่มีระบบให้บริการสัญญาณทางโทรศัพท์มือถือ Application และกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาดบนโทรศัพท์มือถือ เราได้ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้จากโทรศัพท์ iPhone และ iPad ของบริษัท Apple และ Android ของบริษัท Google ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้จะไม่หยุดอยู่แค่ ในปี 2012 นี้ เราจะได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มีความเร็วสูงและการควบรวมพื้นที่ที่ใช้เทคโนโลยีในการให้บริการติดต่อสื่อสารเพิ่มขึ้น ถ้าคุณเป็นนักการตลาดและคุณไม่เคยทำการศึกษาการใช้เทคโนโลยีการตลาดชนิดนี้ในการทำธุรกิจ ปีนี้คุณต้องเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเหล่านี้เพื่อประโยชน์ทางการตลาด

2. การผสมผสานการใช้ Social Marketing

ในปี 2011 บริษัทต่างๆ ใช้ Social media เพื่อประโยชน์ทางการตลาดอย่างจริงจังเนื่องจากเห็นแล้วว่ามันมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากเพียงใด ในปีนี้เราจะเริ่มเห็นบริษัทหลายแห่งได้บูรณาการ Social Media เข้าไปในแผนการตลาดด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ควรที่จะใช้การตลาดวิธีนี้มานานแล้ว เราจะเห็นบริษัทต่างๆใช้ social media เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อบริการลูกค้าของตนเองและใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการแบรนด์แล้วยังใช้ในการรวบรวมข้อมูลของลูกค้า และช่วยให้บริษัทเสนอสินค้าและบริการเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าได้ตามเป้าหมายมากขึ้น

3. การใช้แนวทางการตลาดแบบเก่าๆ ลดลง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะหลายคนที่ยังคงไม่ยอมเลิกใช้วิธีการตลาดแบบเก่าๆ การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือการใช้การตลาดที่ทันเหตุการณ์ในปัจจุบันสามารถได้รับข้อมูลในทันทีและทำให้เราสามารถเปลี่ยนวิธีการตลาดได้อย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคยังใช้การออนไลน์ในการหาข้อมูลและการซื้อสินค้า สิ่งสำคัญคือนักการตลาดต้องทราบว่าขณะนี้ “ตลาด” คือที่ใดและลงทุนในสิ่งนั้น การทำการตลาดทางอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของตนด้วยต้นทุนที่ใช้ในการโฆษณาต่ำกว่าการตลาดแบบเก่าและง่ายต่อการวัดผล ซึ่งนี่เป็นข้อดีของ Interactive marketing โดยภาพรวมงบประมาณด้านการตลาดได้ถูกย้ายไปใช้ในออนไลน์เป็นจำนวนมากและวิธีการตลาดแบบเก่าๆ ได้ลดลง

4. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดความคุ้มค่า

เศรษฐกิจในปัญจุบันนี้ ผู้บริโภคได้ระวังการใช้จ่ายเงินของตนเองและจะใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่ตนเองคิดว่ามีความคุ้มค่า ผู้บริโภคจะทำการค้นหาสินค้าที่คุ้มค่ากับเงินที่ตนเองจะต้องจ่าย ผู้บริโภคจะไม่ซื้อสินค้าเพียงเพราะสินค้านั้นลดราคา สิ่งเหล่านี้ทำให้บริษัทต้องทำการตลาดโดยเน้นว่าสินค้าและบริการของตนคุ้มค่า คุ้มกับเงินที่ลูกค้าจ่ายไป— ถ้าซื้อสินค้าไม่คุ้มค่า ผู้บริโภคก็จะไม่ซื้อสินค้านั้น

กฎข้อบังคับ

สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้นักการตลาดเป็นกังวล ในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาที่ Federal Trade Commission (FTC) พิจารณากฎข้อบังคับของการดำเนินธุรกิจ online ซึ่งทำให้มีการตรวจสอบ Blog และการรับเงินสนับสนุน เมื่อเดือนที่แล้วได้ผ่านกฎหมายสำหรับการค้าออนไลน์ Stop Online Piracy Act (SOPA) ซึ่งไม่แน่ว่าจะมีผลอย่างไรในปีหน้าและในอนาคต แต่เชื่อว่ากฎข้อบังคับเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรม online และกระทบต่อการตลาดในอนาคต

5. ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคจะสร้างความภักดีกับแบรนด์และยอดขายสินค้า (Loyalty & Sales)

ลูกค้าต้องการความรู้สึกว่าตนมีความสำคัญต่อบริษัทและพนักงาน และลูกค้าจะประเมินว่าบริษัทให้ความสนใจต่อเขามากเพียงใด ในอดีตลูกค้าซื้อสินค้าเพราะความสะดวก ปัจจุบันคุณต้องทำให้ลูกค้าได้รับความพอใจในสินค้าและบริการ และถ้าคุณสามารถให้การดูแลลูกค้าอย่างดีคุณจะพบว่าคุณจะสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าที่มีความจงรักภักดีกับบริษัทคุณได้ถึงแม้ว่าสินค้าของคุณจะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย ในช่วงเศรษฐกิจซบเซาผู้บริโภคก็ยังคงใช้สินค้าของคุณอยู่ ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าถ้าคุณสร้างความภักดีด้วยการดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ