สถานการณ์สินค้าอิเล็คทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น เดือนพฤษภาคม 2555
อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ญี่ปุ่นปรับฟื้นตัว ภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในไทย และค่าเงินเยนแข็งตัว ผลมาจากความต้องการชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนในตลาด
สมาคมอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศญี่ปุ่น (JEITA) ประกาศยอดขายทั่วโลกของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ญี่ปุ่นถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 มูลค่า 258.8 พันล้านเยน ชิ้นส่วนที่เกี่ยวกับเสียง รวมทั้งหูฟังของสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 38 ส่วนมอเตอร์ที่ทำให้สมาร์ทโฟนสั่นเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 17
ผู้ผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับสมาร์ทโฟน เช่น Japan Aviation Electronics Industry ผู้ผลิตตัวเสียบสมาร์ทโฟนมีกำไรสูงขึ้นร้อยละ 28 ถึง 22 พันล้านเยน ในปี 2011 และคาดว่าจะถึง 43 พันล้านเยน ในปี 2012 ส่วนผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่น Kyocera ซึ่งขายตัวจับสัญญาณภาพที่ใช้สำหรับกล้องของสมาร์ทโฟน มียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดของชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นตลาดที่กำลังเติบโต เช่น ชิ้นส่วนที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์ประหยัดพลังงาน และกล้องติดรถยนต์รวมทั้งที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริด
ส่วนตลาดสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอที ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ผลมาจากการที่บริษัท และสถาบันการแพทย์ต่างๆ ลงทุนเรื่องไอทีมากขึ้น เช่นหลายโรงพยาบาลเก็บประวัติการรักษาในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์
บริษัท Hitachi ประกาศยอดขายสินค้าโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ส่วน Fujitsu ซึ่งมียอดขาย และมีกำไรมากที่สุดในอุตสาหกรรม คาดว่ายอดขายจะเพิ่มจากขึ้นร้อยละ 2.1 จากปี 2011 เป็น 2.4.2 ล้านล้านเยน มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เป็น 130 พันล้านเยน บริษัทวิจัยตลาด IDC ประเมินว่าตลาดจะโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 มูลค่า 4,926 ล้านล้านเยนโดยขยายตัวนับเป็นครั้งแรกใน 4 ปี
2.1 บริษัท Cannon ตั้งเป้าที่จะสร้างสายการผลิตกล้องถ่ายภาพดิจิตอลที่ใช้หุ่นยนต์ในการผลิตทั้งหมด ไม่ใช้แรงงานคนภายในปี 2015 โดยบางกระบวนการผลิตที่โรงงานในจังหวัดโออิตะจะใช้หุ่นยนต์ผลิตทั้งหมด รวมทั้งโรงงานผลิตเลนส์ที่จังหวัดโตชิกิด้วย
บริษัทวางแผนว่า ชิ้นส่วนทั้งหมด 600 -1,000 ชิ้นส่วน ในการประกอบเป็นกล้องถ่ายภาพดิจิตอล จะมีการพัฒนาอุปกรณ์การผลิตจนไปถึงการบรรจุหีบห่อให้สามารถใช้หุ่นยนต์ได้ทั้งหมด
ในทศวรรษ 1990 Cannon ได้เริ่มการผลิตแบบเซลล์โดยจัดคนงานผลิตเป็นกลุ่มๆ และภายหลังได้เปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์ในการผลิตชิ้นส่วนขนาดเล็กมากที่ยากในการใช้คนผลิต
ในปี 2011 Cannon ผลิตกล้องถ่ายภาพดิจิตอลจำนวน 25.9 ล้านยูนิต โดยเป็นอันดับที่ 1 ของโลก มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 20 และหากระบบการผลิตที่ไม่ต้องใช้คนสำเร็จ จะนำไปใช้กับโรงงานที่อื่นในประเทศ เช่น ที่นากาซากิ และ ต่างประเทศ เช่น ที่ไต้หวัน
2.2 บริษัท Panasonic วางแผนที่จะย้ายการผลิตโทรศัพท์มือถือทั้งหมดไปต่างประเทศ
ในฤดูร้อนปีนี้ ปัจจุบันบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือครึ่งหนึ่งในญี่ปุ่น แต่จากการพุ่งเป้าไปยังตลาดต่างประเทศทำให้ Panasonic จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นรายแรกที่ผลิตโทรศัพท์มือถือทั้งหมดในต่างประเทศ
ในปี 2011 Panasonic ขายโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 ล้านเครื่อง โดยเป็นอันดับ 3 รองจาก Sharp และ Fujitsu โดยการผลิตเกือบครึ่งมาจากจังหวัดชิซูโอกะ และที่เหลือผลิตที่โรงงานที่อื่น รวมทั้งโรงงานที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน สินค้าที่ผลิตจากชิซูโอกะ จะถูกส่งไปที่ปักกิ่งและมาเลเซีย บริษัทวางแผนที่จะบุกตลาดต่างประเทศโดยเริ่มจำหน่ายสมาร์ทโฟนในยุโรป หวังยอดขายถึง 15 ล้านเครื่องทั่วโลกในปี 2015 โดย 9 ล้านเครื่องในต่างประเทศ
2.3 Toshiba จะเริ่มจำหน่ายแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ที่ใช้จอภาพ OEL (organic electroluminescence) เจ้าแรกในญี่ปุ่น โดยรุ่น Regza Tabet AT570 จอขนาด 7.7 นิ้ว ความเร็วในการตอบสนอง 12.5 เท่าของจอธรรมดา โดยให้สีที่สดใสกว่าจอภาพ LCD มีความหนาเพียง 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 332 กรัม สามารถพกพาได้สะดวก ราคาอยู่ที่ 53,000 เยน รวมทั้งจำหน่ายแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ จอภาพ LCD ขนาดใหญ่ โดยมีรุ่น AT830 จอขนาด 13.3 นิ้ว ราคา 80,000 เยน และรุ่น AT700 จอขนาด 10.1 นิ้ว ราคา 70,000 เยน
2.4 บรรดาผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพดิจิตอลต่างแข่งขันกันเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆหวังที่จะดึงลูกค้าคืนจากสมาร์ทโฟน โดย Nikkon จำหน่ายรุ่น Coolpix S30 โดยใช้จุดขายเป็น “กล้องของพ่อแม่ ลูก” ไม่ใช่เพียงกล้องของเล่นของเด็ก แต่เป็นกล้องที่เด็กๆสามารถถ่ายภาพได้จริงโดยพ่อแม่คอยช่วยเหลือมีการออกแบบให้มีความคงทน สามารถทนการตกจากที่สูงถึง 80 เซนติเมตร และกันน้ำลึกถึง 3 เมตร Coolpix S30 มีเลนส์ และแฟลชติดตั้งอยู่กลางกล้องโดยเด็กๆสามารถถือได้ 2 มือ และไม่ต้องกลัวที่จะทำเลนส์ตกแตก มีปุ่มกด 3 ปุ่มใหญ่ข้างบนเพื่อง่ายต่อการปิดเปิดมีคำอธิบายวิธีใช้บนจอ LCD ง่ายๆ ไม่ใช้คำศัพท์เทคนิค ทำให้ใช้งานง่าย Nikkon หวังว่าจะดึงกลุ่มลูกค้าครอบครัว และเด็กๆจะคุ้นเคย และจดจำแบรนด์ได้
ส่วน Cannon ออกรุ่น Ixy 420F ที่สามารถจดจำหน้าตาได้ ราคา 20,000-25,000 เยน โดยมีฟังก์ชั่น “จับภาพขณะหลับ” เมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพทารกขณะกำลังหลับ หากเคยมีการถ่ายภาพทารกคนเดียวกันในกล้องนั้นแล้ว กล้องจะปรับเปลี่ยนโหมดเป็นแบบไม่มีแฟลชโดยอัตโนมัติ ทำให้ทารกไม่รู้สึกตัวตื่น และจะถ่ายภาพเดียวติดต่อกัน 3 ครั้งในมุมที่แตกต่างกัน และรวมกันเป็นภาพเดียว
Fujifilm เน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัวเช่นกัน ออกกล้องรุ่น FinePix F770EXR ราคา 25,000-30,000 เยน โดยชูจุดขายว่าพ่อแม่สามารถถ่ายภาพสามารถลูกอย่างใกล้ชิดแม้จะถ่ายภาพในระยะไกล โดยมีซูมขนาด 20X และ 40X
ยอดการส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนมีนาคม 2555 มีมูลค่า 8.17 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากเดือนมีนาคม 2554 โดยสินค้าส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ส่วนบุคคล เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.3 อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 เครื่องจักรธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 คอมพิวเตอร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 อุปกรณ์ส่งสัญญาณไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 ส่วนสินค้าที่ลดลงคือ ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ ลดลงร้อยละ 6 แผงวงจรลดลงร้อยละ 3.2
ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน มูลค่า 6.33 แสนล้านเยน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 จากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2554 การนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.2 อุปกรณ์สื่อสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.4 คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 ระบบสื่อสารวิทยุ เพิ่มขึ้นร้อยละ 62.4 ส่วนสินค้าที่ลดลง ได้แก่ ระบบโทรคมนาคม ลดลงร้อยละ 21.5 เครื่องจักรธุรกิจลดลงร้อยละ 26.7 แผงวงจรลดลงร้อยละ 3.5เครื่องมืออิเล็คทรอนิกส์ ลดงร้อยละ 7.1
---------------------------------------------------
สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ นครโอซากา
22 พฤษภาคม 2555