ปีทองตลาดก่อสร้างใน GCC
การก่อสร้างในประเทศตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือ GCC จะเกิดขึ้นหลายโครงการในช่วงปี 2555-2559 โดยมีปัจจัยหนุนจากนโยบายรัฐบาล นำโดยซาอุดิอาระเบียที่จะมีโครงการใหม่ๆเกิดขึ้นมากที่สุด สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะมีโครงการก่อสร้างเกิดขึ้นในกรุงอาบูดาบี ประเทศกาตาร์มีโครงการขนาดใหญ่เพื่อรองรับ Word cup ในปี 2022 และอิรักที่เร่งฟื้นฟูสาธารณูปโภคขึ้นพื้นฐาน โดยเฉพาะโรงงานไฟ้าที่ยังขาดแคลนเพราะเสียหายจากสงครามหลายครั้งที่ผ่านมา
หลังจากที่เกิดกระแสการต่อต้านความไม่เป็นธรรมในสังคมและในการบริหารนโยบายของรัฐบาล ปัญหาราคาอาหารแพง เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทำให้รัฐบาลในตะวันออกกลางหันกลับมาทบทวนนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน โดยได้กำหนดไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เน้นให้ความสำคัญกับการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการกระจายรายได้เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจของประชาชน
สำหรับประเทศมีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพิงรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยได้ลงทุนก่อสร้างโครงการต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ดังนั้นโอกาสในการเข้าไปลงทุนรับงานก่อสร้างในประเทศเหล่านี้จึงมีแนวโน้มแจ่มใส
มูลค่าการก่อสร้างที่เปิดประมูลในช่วงปี 2012-2016 ของกลุ่มประเทศ GCC ในตะวันออกกลาง มีดังต่อไปนี้
โครงการก่อสร้างภายในปี 2559
ที่ ประเทศ มูลค่าทั้งสิ้น โครงการก่อสร้าง
1 ซาอุดิอาระเบีย 119 สร้างมหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงพยาบาล
บ้านพัก ขยายสนามบินนานาชาติ สร้างทาง
รถไฟใหม่ ปรับปรุงซ่อมแซมถนน
2 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 75 โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม พลังงาน
สาธารณูปโภคต่างๆ ขยายสนามบินนานาชาติ
ท่าเรือ ขนส่งมวลชน และโครงการบ้านพักอาศัย
ในเขตรอบนอกกรุงอาบูดาบี
3 โอมาน 30 ปรับปรุงขยายสนามบินสร้าง runway เพิ่ม
สร้างถนน สะพาน โรงผลิตไฟฟ้าและน้ำประปา
4 กาตาร์ 26 โครงการก่อสร้างเกี่ยวกับสนามกีฬา โรงแรม
โครงการรองรับ World 230 สิ่งก่อสร้างรองรับธุรกิจท่องเที่ยว/พักผ่อนหย่อน
Cup ปี 2022 ใจและความบันเทิง
5 คูเวต 25 สร้างเมืองธุรกิจแห่งใหม่ (Silk city) โครงการท่า
เทียบเรือสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์และถนน
ข้ามทะเลยาว 25 กม. ทางรถไฟและโครงการ
รถไฟฟ้า โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย
ปรับปรุงและขยายโรงกลั่นน้ำมันเพิ่มผลผลิต
6 บาห์เรน 10 สร้างที่พักอาศัยจำนวน 23,000 ยูนิต ขยาย
สนามบิน สร้างถนนและท่าเรือ
7 อิรัค 35 สร้างที่พักอาศัย โรงผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน
สร้างถนน
มูลค่า : พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
อนาคตของอาคารเขียวในตะวันออกกลาง
โครงการที่จะก่อสร้างส่วนใหญ่มีข้อบังคับใช้ โดยจะต้องออกแบบเป็นอาคารเขียว Green building รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นในด้านการอนุรักษ์พลังงานทดแทน และการดูแลสิ่งแวดล้อม นอกจากการออกกฎหมายเป็นข้อบังคับใช้ในการออกแบบอาคารเขียวแล้ว ยังมีการกระตุ้นในด้านอื่นด้วย อาทิ เพื่อช่วยลดต้นทุนด้วยการลดค่าวัสดุก่อสร้างลงตามโครงการต่างๆ
อาคารเขียวหมายถึงการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานในทุกๆที่ใช้อุปกรณ์และวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สถานที่ก่อสร้างที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ประหยัดน้ำ-ไฟ และประหยัดพลังงานทั้งระบบจึงจะเป็นอาคารเขียวที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งดเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใส่ใจเพราะแนวโน้มอนาคตจะเกิดขึ้น คือการมีทรัพยากรลดน้อยลง การเติบโตของประชากรมากขึ้น จึงส่งผลให้มีการก่อสร้างอาคารเขียวมากขึ้น
รัฐบาลในกลุ่ม GCC ให้ความสำคัญเกี่ยวกับระบบนิเวศ มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะที่ดูแลการก่อสร้างอาคารเขียว ทำให้อาคารที่จะเกิดใหม่แทบทุกอาคารเป็นอาคารเขียว และที่เห็นเป็นรูปธรรมคือการสร้างเมือง Masdar ในกรุงอาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีจุดมุ่งหมายให้เป็นเมืองประหยัดพลังงาน ปลอดควันพิษและขยะ การแสวงหาแนวทางการแก้ไขวิกฤตการณ์พลังงาน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศจากภาวะโลกร้อน รวมทั้งการพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีการใช้ทรัพยากรและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน
เมืองแห่งอนาคตนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3750 ไร่ จะเป็นเมืองใหม่เพื่อรองรับประชากรราว 50,000 คน ภายในเมืองประกอบด้วย ที่พักอาศัย ศูนย์ธุรกิจ และสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะสถาบัน Masdar ที่จะเป็นศูนย์กลางการศึกษา การวิจัยและค้นคิดนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นผู้ที่สนใจรับงานก่อสร้างในต่างประเทศจะต้องเริ่มหันมาศึกษาความรู้ทำความ เข้าใจต่อโครงสร้างการก่อสร้างอาคารสีเขียวให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับตามเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องอนุรักษ์ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลประเทศเหล่านี้
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ
พฤษภาคม 2555