อัตราการหมุนเวียนของสินค้าอาหารฮาลาล จากสถิติการหมุนเวียนของสินค้าอาหารฮาลาลในตลาดยุโรปพบว่ามีมูลค่าประมาณ 15 ล้านล้านยูโร ซึ่งมีอัตราขยายตัวเพิ่มข้นร้อยละ 15 ตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปัจจุบันในปัจจุบัน ผู้ผลิตอาหารในยุโรปเริ่มมองเห็นความสำคัญของตลาดสินค้าดังกล่าว เนื่องจากชาวตะวันออกกลางและชาวมุสลิมจากเอเชียได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในยุโรปมากขึ้น ทำให้มีการซื้อสินค้าดังกล่าวมากขึ้นด้วย ทั้งนี้สินค้าส่วนใหญ่ทำด้วยเนื้อสัตว์จึงทำให้เป็นสินค้าที่มีลักษณะแช่แข็งบริษัทที่เป็นผู้นำด้านอาหารฮาลาลในยุโรป มีบริษัทผู้ผลิตสินค้าอาหารฮาลาลในยุโรป 2 บริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดอาหารฮาลาลคือ Mekkafood Halal Product จาก Nettetal-Kaldenkirchen ประเทศเยอรมันี และบริษัท Tahira Foods จากลอนดอน ในขณะเดียวกัน Apetito of Rheine ประเทศเยอรมันี ได้เพิ่มเมนูอาหารฮาลาลในเมนูเนื้อลูกวัวเพื่อจัดส่งให้แก่ผู้สูงอายุในเนเธอร์แลนด์ Mekkafood Halal ได้เริ่มกิจการขึ้นเมื่อปี 1993 โดยเริ่มจากการนำสินค้าอาหารฮาลาลประเภทของทานเล่นเข้าสู่ตลาด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทำให้มีการผลิตที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และในปัจจุบันได้จัดส่งสินค้าให้แก่ร้านอาหารประมาณ 8,000 ร้านและสินค้าเนื้อสัตว์แช่แข็ง 30 ชนิดให้แก่ตลาดอาหารในยุโรป ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2005 บริษัทจึงเปิดโรงงานผลิตสินค้าดังกล่าวใน Nettetal-Kaldenkirchen เพื่อให้ได้กำลังผลิตจำนวนถึง 400 ตันต่ออาทิตย์ บริษัทผลิตสินค้าส่วนใหญ่ประเภทเนื้อไก่แช่แข็ง เนื้อแกะแช่แข็ง และเนื้อวัวประเภทพิเศษ โดยมีอาหารพื้นเมืองตะวันออกกลางชนิดหนึ่งเรียกว่า Lahmacun หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Turkish Pizza ซึ่งโรยหน้าด้วยเนื้อวัว หัวหอม ใบเพสลีย์ และซอสมะเขือเทศ และอีกชนิดหนึ่งคือ Cevapcici คือเนื้อวัวหรือเนื้อแกะม้วนย่าง ซึ่งมีชื่อเสียงมากในคาบสมุทรบอลข่านที่เคยเป็นอาณาจักรของออโตมานในอดีตมีการบรรจุหีบห่อโดยใส่ตราเครื่องหมายสินค้าฮาลาลเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ส่วนการกระจายสินค้า Mekkafood ใช้รถบรรทุกของบริษัทและยังมีการวางตู้แช่แข็งให้แก่ลูกค้าตามความต้องการด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร้านค้าตุรกีเล็กๆ ในเยอรมันไม่มีตู้แช่แข็งอาหารและยังต้องการโฆษณาสินค้าไปในตัวอีกด้วยประเทศผู้ผลิต ประเทศผู้นำการผลิตอาหารฮาลาล ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย และ อินโดนีเซีย โดยในปี 2006 มูลค่าการค้าสินค้าดังกล่าวในตลาดโลกมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในอังกฤษประเทศเดียวมีมูลค่าการค้าถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และประเทศกลุ่ม GCC ในตะวันออกกลางนำเข้าอาหารฮาลาลมีมูลค่ามากกว่า 12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี แนวโน้มการบริโภค - แนวโน้มการบริโภคอาหารฮาลาลขึ้นอยู่กับประเทศต้นกำเนิดของผู้บริโภคสินค้านี้เป็นหลัก สำหรับในตลาดยุโรป ประชากรมุสลิมส่วนใหญ่ที่อยู่ในฝรั่งเศสมาจากประเทศแถบอาฟริกาตอนเหนือ ซึ่งคล้ายคลึงกับประชากรมุสลิมในสเปน อิตาลี และสแกนดิเนเวีย ก็มาจากประเทศแถบอาฟริกาตอนเหนือเช่นกัน ในอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ชาวมุสลิมส่วนใหญ่มาจากปากีสถาน บังคลาเทศ อินเดีย และตะวันออกกลาง ในเยอรมันีชาวมุสลิมมีแนวโน้มว่ามาจากตุรกี - ส่วนการบริโภคสินค้าฮาลาลที่ขายอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตร้อยละ 10-15 พบว่า ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่นิยมบริโภคอาหาร ready-to-eat อาหารแช่แข็ง และอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิต ซึ่งตรงกันข้ามกับอาหารพื้นเมืองเดิมๆ ที่เป็นอาหารประเภทผัก/ผลไม้ตากแห้ง น้ำมัน และเครื่องเทศ - ตลาดอาหารฮาลาลในอิตาลี โดยที่ประชากรมุสลิมในอิตาลีมีไม่มาก เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ซึ่งไม่มีข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจน และสามารถผลิตอาหารฮาลาลบริโภคกันเองภายในประเทศ ทำให้ตลาดอาหาร ฮาลาลในอิตาลีค่อนข้างจำกัดข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 1. แม้ว่าความต้องการอาหารฮาลาลในตลาดยุโรป จะมีความต้องการสูง แต่พบว่า คุณภาพและความหลากหลายของสินค้ายังมีไม่มากนัก มูลค่าการขายสินค้าในร้านขายของชำพบว่าสินค้าฮาลาลมีมูลค่าการขายเพียงร้อยละ 10 ของมูลค่าการขายสินค้าทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นฐาน เช่น ผัก/ผลไม้ตากแห้ง น้ำมัน และเครื่องเทศ ลูกมะกอก และซอสปรุงรสต่างๆ ส่วนสินค้าใหม่ๆ เช่น สินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิต (ลาวิโอลี หรือ ลาซันยา) ขนมลูกกวาด และสินค้าแช่แข็งประเภท ready-to-eat ยังเพิ่งเริ่มนำเข้าสู่ตลาด 2. สินค้าฮาลาลมีแนวโน้มความต้องการสูงเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงและเก็บไว้ได้นาน ผู้บริโภคมีความต้องการที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าดังกล่าว และเชื่อว่าสินค้าฮาลาลทำให้สุขภาพดีด้วยจากเหตุผลดังกล่าวทำให้บรรดาซุปเปอร์มาเก็ตและไฮเปอร์มาเก็ตในยุโรปพยายามเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในการกระจายสินค้าฮาลาลมากขึ้น 3. แม้ว่าชาวมุสลิมในอิตาลีจะมีจำนวนอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งมีจำนวนประมาณ 800,000 คน แต่พบว่า มีโอกาสที่สินค้าฮาลาลจากประเทศไทยสามารถขยายตลาดเข้าสู่อิตาลีและส่งต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปได้ในอนาคต ที่มา: http://www.depthai.go.th