การผลิต อุตสาหกรรมผักและผลไม้แปรรูปของเวียดนามยังค่อนข้างล้าหลังไทย เนื่องจากโรงงานยังไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานสูง และเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย จึงมีปัญหาด้านการปรับปรุงและควบคุมคุณภาพ จากข้อมูลในปี 2548 เวียดนามมีพื้นที่ปลูกผลไม้ประมาณ 766,900 เฮกตาร์ โดยมีผลผลิตเกือบ 6.5 ล้านเมตริกตัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกล้วย 1.4 ล้านตัน พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ( Mekong River Delta ) ทางตอนล่างของประเทศเป็นแหล่งปลูกผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดโดยมีพื้นที่ 262,000 เฮกตาร์ หรือประมาณ 35.0% ของพื้นที่ปลูกผลไม้ทั้งหมด และมีผลผลิตมากที่สุด คือ 2.93 ล้านเมตริตัน หรือคิดเป็น 45.0% ของผลผลิตผลไม้ทั้งหมดของประเทศ เวียดนามสามารถปลูกผลไม้ได้มากกว่า 30 ชนิด โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ - ผลไม้เมืองร้อน เช่น กล้วย มะม่วง และสับปะรด เป็นต้น - ผลไม้กึ่งเมืองร้อน เช่น ส้ม ส้มแมนดาริน ลิ้นจี่ และลำไย เป็นต้น - ผลไม้เมืองหนาว เช่น ลูกพลับ และแพร์ เป็นต้น ปัจจุบัน ลิ้นจี่ ลำไย และเงาะ ได้มีการพัฒนาอย่างมาก โดยมีพื้นที่ปลูกถึง 26% ส่วนกล้วย มีพื้นที่ปลูกประมาณ 19% ของพื้นที่ปลูกผลไม้ทั้งหมด นอกจากนี้เวียดนามยังได้กำหนดพื้นที่ปลูกผลไม้ที่เข้มข้น ( concentrated fruit free areas ) รัฐจะให้การดูแลเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น มีเขตพื้นที่ที่สำคัญ ดังนี้ ชนิดของผลไม้ เขต / จังหวัด ขนาดพื้นที่ ผลผลิต หมายเหตุ (เฮคตาร์) ( เมตริกตัน/ปี ) ลิ้นจี่พันธุ์ทิ่ว ( Thieu) จว.บัคแยง (Bac Giang) 35,100 120,100 จว.หายเยือง (Hai Duong) 14,100 36,400 เงาะ จว.ด่องไน ( Dong Nai) 11,400 พื้นที่ปลูกอยู่ทางตอนใต้ถึง 40% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด จว.เบ๊นแตร ( Ben Tre) 4,200 ( 14,200 เฮกตาร์ ) และได้ผลผลิต 61.54% (100,000 ตัน) แก้วมังกร จว.บิ่นถุน ( Binh Thuan) 5,000 90,000 พันธ์ blue dragon สามารถทำรายได้จากการส่งออกได้มากที่สุด จว.เตียงแยง ( Tien Giang) 2,000 ส้มคิง (King Orange) เขต Mekong Delta 200,000 - จว.วินห์ลอม ( Vinh Long) (47,000) - จว.เบ๊นแตร ( Ben Tre) (45,000) - จว.เตียงแยง( Tien Giang) (42,000) - จว. ห่าแยง( Ha Giang) อยู่ทางภาคเหนือ 20,000 มะม่วง จว.เตียงแยง ( Tien Giang) 1,600 10,100 ส่วนมากปลูกตามฝั่งแม่น้ำเตียง ( Tien ) จว.ด่องทับ ( Dong Thap) 4,300 มีพื้นที่ 4,440 เฮคตาร์ ได้ผลผลิต 22,600 ตัน/ปี ส้มโอ จว.วินห์ลอม ( Vinh Long) 4,500 31,300 มีหลายพันธุ์ตั้งชื่อตามถิ่นที่ปลูกพันธ์ที่มีชื่อ คือ Nam Roi จว.หัวแยง ( Hau Giang) 1,300 ซึ่งมีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 9,200 เฮคตาร์ มังคุด เขต Mekong Delta 4,900 4,500 - จว.เบ๊นแตร ( Ben Tre) (4,200) สับปะรด จว.เตียงแยง ( Tien Giang) 3,700 เป็นผลไม้ที่ได้รับการสนันสนุนจากรัฐให้มีการพัฒนา จว.เกียนแยง ( Kien Giang) 3,300 มี 2 พันธุ์ที่มีชื่อ คือ Queen และ Cayenne จว. แง๊อาน ( Nghe An) 3,100 ( เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง นำไปทำผลไม้กระป๋อง ) จว. นินบิน ( Ninh Binh) 3,000 จว.กวางนัม ( Quang Nam) 2,700 การส่งออก ไตรมาสแรกของปี 2008 เวียดนามมีรายได้จากการส่งออกผักและผลไม้ 76 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 28% กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของเวียดนาม ( MoTI ) คาดว่าการส่งออกผักและผลไม้ทั้งปีจะมีมูลค่าสูงถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17% และรายได้ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 700 และ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2010 และ 2015 ตามลำดับ เวียดนามส่งออกผักและผลไม้ไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก ลูกค้าสำคัญ คือ จีน ( สั่งซื้อถึง 60 % ของรายได้จากการส่งออกผักผลไม้ที่เวียดนามได้รับ) ญี่ปุ่น ไต้หวัน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ส่วนลูกค้ารายใหม่ที่สำคัญ คือ ไทย ฮ่องกง สิงคโปร์ และประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรป การนำเข้า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 เวียดนามนำเข้าผลไม้ประมาณ 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าผลไม้เมืองร้อนถึง 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้นเป็นการนำเข้าถั่ว ผลไม้ที่เวียดนามนำเข้ามากที่สุดในช่วงนี้ คือ มังคุด มูลค่า 0.803 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากไทย ( มากกว่า 1,400 เมตริกตัน ) ราคาเฉลี่ยตันละ 546.4 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีนำเข้าองุ่น แอปเปิล ส้ม และมะม่วง จากจีน ไทยและออสเตรเลีย การนำเข้าผลไม้ของเวียดนาม ปี 2551 ( เดือนเมษายน — พฤษภาคม)หน่วย : เหรียญสหรัฐ ผลไม้ 9 - 8 เม.ย. 2551 7 - 16 พ.ค. 2551 หมายเหตุ มังคุด 803,254 - องุ่น : นำเข้าจากออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง เปรู และชิลี องุ่น 261,095 454,223 แอปเปิ้ล 214,839 196,733 - แอปเปิ้ล : ส่วนใหญ่นำเข้าจาก จีน และสหรัฐฯ ส้มแมนดาริน 172,756 - ส้ม : ส่วนใหญ่นำเข้าจาก จีน ส้ม 141,426 มะม่วง 120,185 แพร์ 116,529 กล้วย 70,830 ขนุน 15,694 การค้าผลไม้ระหว่างไทยและเวียดนาม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ( 2548 — 2550) มูลค่าการค้า( ส่งออกและนำเข้า) ผลไม้ระหว่างไทยและเวียดนามมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 18.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2550 หรือเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัว ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าผลไม้กับเวียดนามมาโดยตลอด โดยไทยส่งออกเฉลี่ยปีละ 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มีมูลค่านำเข้าเฉลี่ยปีละ 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลไม้สำคัญที่ไทยนำเข้าจากเวียดนาม ได้แก่ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และแก้วมังกร ส่วนผลไม้ที่ไทยส่งออกไปเวียดนามมาก ได้แก่ มะขามแห้ง / สด ลำไย และมังคุด สำหรับในระยะ 4 เดือนแรก ( ม.ค. — เม.ย.) ของปี 2551 ไทยนำเข้าผลไม้จากเวียดนามปริมาณ 6,200 ตัน มูลค่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณและมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 4.5% และ 14.0% ตามลำดับ ไทยนำเข้าผลไม้จากเวียดนามมากเป็นลำดับที่ 4 รองจาก จีน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าผลไม้ในพิกัด H.S. 08109090 other ( ซึ่งในที่นี้น่าจะเป็นแก้วมังกร) และเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ขณะที่ไทยส่งออกไปเวียดนามปริมาณ 4,075 ตัน มูลค่า 0.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 145.2% และ 22.7% ตามลำดับ โดยมีผลไม้ที่สำคัญ คือ มะม่วง ส้มเขียวหวาน และมะขาม เนื่องจากเวียดนามตอนใต้มีเขตแดนติดกับกัมพูชาหลายด่าน และไม่ค่อยเข้มงวดนักทำให้การนำเข้าผลไม้ไทยมาจำหน่ายในเวียดนามตอนใต้รวมทั้งใน supermarket มักกระทำโดยทางรถยนต์ผ่านชายแดนกัมพูชาเพราะระเบียบพิธีการศุลการไม่ยุ่งยากมากขั้นตอนเหมือนการนำเข้าโดยตรง และยังเสียภาษีต่ำกว่าเพราะ เป็นการเสียภาษีแบบเหมาจ่ายและที่สำคัญผู้ค้าส่งในเวียดนามสามารถติดต่อซื้อขายผลไม้ไทยกับ intertrader ที่อยู่ในประเทศไทยได้โดยตรง โดย intertrader เป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ติดต่อซื้อขายผลไม้จากผู้ขายผลไม้ไทย จนกระทั่งเช่ารถบรรทุกนำผลไม้เข้าไปส่งให้ในเวียดนาม ผู้ค้าส่ง / ผู้นำเข้าในเวียดนามจึงนิยมวิธีการนำเข้าโดยวิธีการดังกล่าว เพราะไม่ยุ่งยากเรื่องการทำ L/C และขั้นตอนพิธีการศุลกากรข้อจำกัดของเวียดนาม - ปริมาณผลผลิตไม่คงที่ประกอบกับชาวสวนผลไม้เป็นผู้ผลิตรายย่อย ขนาดของพื้นที่ปลูกผลไม้ของแต่ละรายมีขนาดเล็ก คือระหว่าง 200-300 ตารางเมตร สำหรับปลูกผักและ 1,000 ตารางเมตรสำหรับการปลูกผลไม้ ทำให้มีปัญหาไม่คุ้มทุนหากนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยจัดระบบการผลิตเพื่อควบคุมคุณภาพและผลผลิตให้คงที่ - สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเก็บรักษาผลผลิตยังไม่ดีพอ - การขนส่งล่าช้าการช่วยเหลือของรัฐบาล 1. กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม (MARD ) ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อหาวิธีการพัฒนาการตลาดผัก ผลไม้ให้มีประสิทธิภาพ และรูปแบบที่ประสบความสำเร็จคือ ความร่วมมือระหว่าง Metro Cash & Carry (Vietnam) กับหน่วยงานสาขาการเกษตรในนครโฮจิมินห์และจังหวัดต่างๆ ทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยมีการฝึกอบรมชาวสวนผลไม้ให้สามารถเพิ่มผลผลิต ปรับปรุง/เพิ่มความชำนาญในการทำธุรกิจ และการสร้างโกดังสินค้าที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ บริษัทจะให้ความช่วยเหลือด้านการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกยังต่างประเทศ 2. MARD จะเน้นการพัฒนาผลไม้ 10 ชนิด เช่น ส้ม ส้มเขียวหวาน ( tangerine) grapefruit สับปะรด มะม่วง ลำไย และแก้วมังกร เป็นต้น โดยคิดค้นพันธุ์ที่มีคุณภาพดีมาแทนที่พันธุ์ที่มีคุณภาพต่ำ 3. เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 ศูนย์ให้คำปรึกษาและให้การสนับสนุนด้านการเกษตรของนครโฮจิมินห์และศูนย์ส่งเสริมการนำเข้าจากประเทศกำลังพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ลงนามร่วมกันในโครงการสนับสนุนการส่งออกผักในเวียดนามไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งภายใต้โครงการนี้เกษตรกรในนครโฮจิมินห์และจังหวัดใกล้เคียงจะได้รับความช่วยเหลือในการพัฒนาด้านการผลิต โดยกำหนดพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 1 ล้านเฮคตาร์ สำหรับการปลูกผักผลไม้ตามโครงการจนถึงปี 2553 ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับการปลูกผักเพื่อการส่งออก จำนวน 255,000 เฮคตาร์ ทั้งนี้ สหภาพยุโรปบริโภคผักและผลไม้ปีละ 62 และ 75 ล้านตันตามลำดับ สคต. นครโฮจิมินห์ Upload Date : 4 มิถุนายน 2551 ที่มา: http://www.depthai.go.th