ภายหลังเหตุการณ์การก่อความไม่สงบหลายครั้งในอินเดีย ส่งผลให้ยอดขายอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในอินเดียพุ่งขึ้นทันที 50% โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่อินเดียสนใจซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว
ผลจากการใช้กำลังเข้าสลายการก่อความไม่สงบ ตำรวจจำนวนมากได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกยิงทะลุเสื้อเกราะที่คุณภาพต่ำ ซึ่งต่อมา หน่วยงานความมั่นคงทั้งตำรวจและทหาร รวมทั้งบริษัทข้ามชาติต่างตื่นตัวจัดซื้ออุปกรณ์ รปภ. เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดขายอุปกรณ์ รปภ. เพิ่มขึ้น 50% ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์วงจรปิด cctv เครื่องสแกนบัตรผ่านประตู/ลายนิ้วมือของพนักงาน (Access control entry system-aces) สัญญานเตือนภัย/ไฟไหม้ผ่านโทรศัพท์มือถือ (Sensor-based alert system-cbas) ซึ่ง sbas เป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต หรือตรวจจับความร้อนจากไฟ แล้วต่อโทรศัพท์โดยอัตโนมัติไปแจ้งให้เจ้าของบ้านได้ทราบเหตุโดยทันที
Closed circuit television (CCTV)
ราคาจำหน่าย: ราคาขั้นต่ำ 5,000 รูปี
ลูกค้าเป้าหมาย : โรงงาน สำนักงาน ร้านค้า และห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามบิน สถานีรถไฟ
Access control entry system
ราคาจำหน่าย: ราคาขั้นต่ำ 30,000 รูปี
ลูกค้าเป้าหมาย : โรงงาน บริษัทชั้นนำ บริษัทข้ามชาติ หน่วยงานความมั่นคง
Sensor-based alert system
ราคาจำหน่าย: ราคาขั้นต่ำ 2,000 รูปี
ลูกค้าเป้าหมาย : โรงงาน บริษัทชั้นนำ บ้านพัก สำนักงาน
อุปกรณ์ที่ขายดีอันดับแรกเป็นโทรทัศน์วงจรปิด CCTV มีสัดส่วนตลาด 50% ของตลาดอุปกรณ์ รปภ. รองลงมาเป็นอุปกรณ์แสกนบัตรผ่านประตู/ลายนิ้วมือ aces 30% อุปกรณ์สัญญาเตือนภัย/ไฟไหม้ ผ่านโทรศัพท์มือถือ cbas 15% และอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องตรวจโลหะ 5% นอกจากนั้น หน่วยราชการตำรวจและทหารก็มีความประสงค์นำเข้าเสื้อเกราะ หมวกกันกระสุน เพิ่มขึ้นจำนวนมากด้วย
ตำรวจได้ขอความร่วมมือโรงแรม สถานีรถไฟ สนามบิน และสถานที่ชุมชนต่างๆ ให้ติดตั้งอุปกรณ์ รปภ. ดังกล่าว นอกจากนั้นบริษัท IT ก็ได้รับคำแนะนำแกมบังคับจากลูกค้าให้ติดตั้งกล้อง cctv สำหรับบ้านพักและอพารต์เมนต์ก็มีความตื่นตัวในการติดตั้ง กล้อง cctv และอุปกรณ์เตือนภัย sbas เพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนั้น หน่วยงานของตำรวจและทหารยังได้สอบถามไปยังสถานกงสุลไทยประจำเจนไนเกี่ยวกับเสื้อเกาะและหมวกกันกระสุนของไทยด้วย เนื่องจากสินค้าไทยผลิตได้มาตรฐานแต่ราคาไม่แพง
ผู้สนใจส่งออกสินค้า รปภ. ดังกล่าวสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์ ณ เมืองเจนไนที่ thaitcchennai@gamil.com
โดย ดร. ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ
รองกงสุลใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ ณ เมืองเจนไน
ที่มา: http://www.depthai.go.th