1. ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม 2551 677.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 67,691 ล้านเยน จากการส่งออกที่ชะลอตัวลงโดยส่งออกในเดือนนี้มีมูลค่า 69,261.6 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 6.9 ขณะที่นำเข้า มูลค่า 69,938.8 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 24.5
การส่งออกของญี่ปุ่นชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2551 เนื่องจากการส่งออกไปตลาด สหรัฐฯ อังกฤษ และยุโรปบางประเทศลดลง โดยเฉพาะสินค้ายานยนต์ และส่วนประกอบ อย่างไรก็ตาม การส่งออกของญี่ปุ่นไปรัสเซีย ตะวันออกกลาง และประเทศอาเซียนยังมีอัตราเพิ่มขึ้น ขณะที่ มูลค่านำเข้า สินค้าเชื้อเพลิง เหล็กและเหล็กกล้า รวมทั้งอาหารสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
2. เมื่อพิจารณาระยะ 10 เดือนแรก(มกราคม-ตุลาคม) ของปี 2551 ญี่ปุ่นได้ดุลการค้า 26,204.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ดุลลดลงจากระยะเดียวกันของปี 2550 ร้อยละ 66.1 จากการส่งออกมูลค่า 674,383.8 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2550 ร้อยละ 15.8 เนื่องจากการส่งออกสินค้ายานยนต์ และส่วนประกอบ รวมทั้งเครื่องจักรขยายตัวสูงมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ขณะที่การนำเข้าของญี่ปุ่นระยะ 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่า 648,179.3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 28.3
3. การค้าระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ในเดือนตุลาคมนี้ ญี่ปุ่นได้ดุลการค้าไทย 721.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 25.6 โดยญี่ปุ่นส่งออกไปไทยมูลค่า 2,755.7 ล้านเหรียญฯ และนำเข้าจากไทยมูลค่า 2,034.5 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.5 และ22.8 ตามลำดับ
4. ในระยะ 10 เดือนแรกของปีนี้ ญี่ปุ่นนำเข้าจากไทยมูลค่า 17,583.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2550 ร้อยละ 17.0 ส่งออกมาไทย 24,975.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5
สินค้าสำคัญที่ญี่ปุ่นนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ พลาสติกและผลิตภัณฑ์ รถยนต์/จักรยานยนต์เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด ยางพารา และอาหาร ซึ่งสินค้าอาหารจากไทยส่วนใหญ่มีอัตราการขยายตัวสูง เช่น เนื้อสัตว์ปรุงแต่ง เนื้อปลาแช่เย็น/แช่แข็ง น้ำตาล ข้าว ผลไม้แปรรูป และอาหารสัตว์ ส่งผลให้สินค้าอาหารสำคัญในตลาดญี่ปุ่นระยะ 10 เดือนแรกของปี 2551 มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 18.9 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.8 ในช่วงเดียวกันของปี 2550
สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าจากไทยลดลง ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องรับส่งโทรทัศน์-วิทยุ อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับโทรศัพท์ แผงวงจรไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ เป็นต้น
ส่วนสินค้าที่ญี่ปุ่นส่งออกมาไทยซึ่งกว่าร้อยละ 80 เป็นสินค้าอุตสาหกรรมสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต สินค้าที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์แผ่นรีดทำด้วย เหล็ก หรือเหล็กกล้า อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
5. ทางการญี่ปุ่นได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นปี 2551 ว่าจะติดลบร้อยละ 1.8 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ลบ 0.4 เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่จากวิกฤตเศรษฐกิจโลก การชะลอตัวลงอย่างมากของการส่งออกส่งผลต่อ การผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรมส่งออกโดยตรง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง การจ้างงาน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและคาดว่าเศรษฐกิจยังคงถดถอยลงอีก
6. ในสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยโดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม สำหรับอาหารซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น และปัจจุบันญี่ปุ่นยังต้องพึ่งพิงอาหารนำเข้าประมาณร้อยละ 60 แม้ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอาหารไทยเป็นที่ยอมรับในคุณภาพมากขึ้น ขณะที่ผลิตภัณฑ์อาหารจากจีนประสบปัญหาความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งส่งผลให้ญี่ปุ่นตื่นตัวเรื่องความปลอดภัย และความมั่นคงด้านอาหาร มีการรณรงค์ให้บริโภคอาหารที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อเพิ่มอัตราการพึ่งพาตนเอง ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารอย่างจริงจัง ผู้ส่งออก ผู้แปรรูปอาหารต้องร่วมมือให้ความรู้แก่เกษตรกรในการเข้มงวดเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยรวมทั้งพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) สำหรับอาหารไทยด้วย
สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th