1. ธุรกิจรถยนต์ในญี่ปุ่นนับว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี จากรายงานผลประกอบการของบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่น ยอดขายของบริษัทใหญ่ตกลงอย่างมาก โดยเฉพาะนิสสัน ยอดขายในเดือนธันวาคมลดลงถึงร้อยละ 35.6 ส่วนโตโยต้าคาดว่ายอดขายทั่วโลกจะลดถึง 1 ล้านคัน และผลกำไรทั้งปีจนถึงเดือนมีนาคม 2552 จะลดลงร้อยละ 80 ซึ่งบริษัทคาดคะเนว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 100 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนลดลงมาอยู่เพียง 88 เยน ต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัท ได้ประกาศยกเลิกโครงการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลร่วมกับอีซูซุ รวมทั้งเลื่อนกำหนด เวลาที่จะเปิดโรงงานในรัฐมิสซิสซิปปี้ สหรัฐอเมริกาไปเป็นในปี 2011 ในส่วนของ บริษัทอีซูซุซึ่งเดิมจะเริ่มผลิตเครื่องยนต์ในฮอกไกโดในปี 2012 ก็เลื่อนกำหนดเวลาเช่นกัน และระงับการสร้างโรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย รวมทั้งลดการจ้างพนักงานชั่วคราวถึง 1,400 คนในโรงงานที่จังหวัดคานากาว่า และโตชิกิ
2. ในส่วนของผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทโตชิบา ได้ใช้มาตรการลดปริมาณการผลิตโดยหยุดการผลิตในโรงงานต่างๆ เช่น หยุดการผลิตที่โรงงานในเขตคิตะคิวชู จำนวน 25 วัน ที่จ.มิเอะ จำนวน 13 วัน และที่เมืองฮิเมจิ จำนวน 18 วัน รวมทั้งไม่ต่อสัญญาพนักงานชั่วคราว ส่วนบริษัทพานาโซนิคก็มีการปรับลดปริมาณการผลิตเช่นกัน
3. ธุรกิจด้านอื่นๆ ก็มีการปรับตัวรับสภาพเศรษฐกิจ เช่น บริษัท Japan Tobacco มีแผนที่จะปิดโรงงาน 5 แห่งในประเทศอังกฤษ สิงคโปร์ ออสเตรีย ยูเครน และหมู่เกาะแคนารี่ ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่ายอดขายในต่างประเทศปีนี้จะสูงขึ้นร้อยละ 7.2 โดยเฉพาะในตลาดที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น รัสเซีย
4. จากการที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นถดถอย ทำให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย ร้านหลุยส์ วิตตอง สินค้าแบรนด์เนมที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ต้องยกเลิกแผนที่จะเปิดร้านขนาดใหญ่ 12 ชั้น พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ในเขตกินซ่า กรุงโตเกียว เนื่องจากยอดขายในญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงประมาณ ร้อยละ 7 ในปี 2551
สำนักงานส่งเสริมการค้า ณ นครโอซากา
ที่มา: http://www.depthai.go.th