สรุปภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย - อาเซียน ปี 2551 (ม.ค.—ธ.ค.) สรุปจากสถิติ Menucom กรมส่งเสริมการส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 26, 2009 11:54 —กรมส่งเสริมการส่งออก

โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับ อาเซียน
มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น 40,159.39 100.00 22.47 สินค้าเกษตรกรรม 3,177.72 7.91 37.67 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 2,714.47 6.76 25.49 สินค้าอุตสาหกรรม 28,304.90 70.48 16.59 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 5,962.18 14.85 54.94 สินค้าอื่นๆ 0.11 0 -99.94 โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับอาเซียน มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นำเข้าทั้งสิ้น 30,051.28 100.00 19.88 สินค้าเชื้อเพลิง 7,425.91 24.71 24.87 สินค้าทุน 7,565.57 25.18 23.91 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 11,831.15 39.37 14.48 สินค้าบริโภค 2,155.16 7.17 13.71 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง 1,067.18 3.55 43.50 สินค้าอื่นๆ 6.31 0.02 -84.30 1. มูลค่าการค้า มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - อาเซียน 2550 2551 D/%

(ม.ค. - ธ.ค.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการค้ารวม 57,857.96 70,210.67 21.35 การนำเข้า 25,066.88 30,051.28 19.88 การส่งออก 32,791.08 40,159.39 22.47 ดุลการค้า 7,724.20 10,108.11 30.86 2. การนำเข้า ประเทศไทยนำเข้าจากตลาดอาเซียน มูลค่า 30,051.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.88 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม 30,051.28 100.00 19.88 1. ก๊าซธรรมชาติ 3,170.52 10.55 53.12 2. เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ 2,555.82 8.50 -6.76 3. เคมีภัณฑ์ 2,529.03 8.42 3.64 4. น้ำมันดิบ 2,313.82 7.70 11.90 5. เครื่องจักรไฟฟ้า 2,060.68 6.86 38.77 อื่น ๆ 3,214.52 10.70 6.90 3. การส่งออก ประเทศไทยส่งออกไปตลาดอาเซียน มูลค่า 40,159.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.47 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม 10,159.39 100.00 22.47 1. น้ำมันสำเร็จรูป 4,584.23 11.42 71.91 2. รถยนต์ อุปกรณ์ฯ 3,936.11 9.80 42.51 3. เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ 2,244.16 5.59 3.05 4. เหล็ก เหล็กกล้าฯ 1,739.90 4.33 21.83 5. แผงวงจรไฟฟ้า 1,664.08 4.14 -11.26 อื่น ๆ 10,336.38 25.74 21.70 4. ข้อสังเกต 4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอาเซียน ปี 2551 (มค.-พย.) ได้แก่

น้ำมันสำเร็จรูป : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2550 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (-1.08 %) ในขณะที่ปี 2548 2549 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.49 37.21 และ 71.91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่าปี 2549 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง(-3.22 %) ในขณะที่ปี 2548 2550 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.61 41.02 และ 42.51 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2550 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง(-15.41 %) ในขณะที่ปี 2548 2549 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.79 4.17 และ 3.05 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เหล็ก เหล็กกล้าฯ : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 13.13 15.28 43.02 และ 21.83 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

แผงวงจรไฟฟ้า : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551พบว่า ปี 2551 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (-11.26 %) ในขณะที่ปี 2548 2549 2550 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.03 12.48 และ 25.92 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

4.2 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดอาเซียน ปี 2551 (ม.ค.- ธค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราเพิ่มสูงโดยสูงกว่าร้อยละ 30
มีรวม 11 รายการ คือ
อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว หมายเหตุ ล้านเหรียญสหรัฐ % 1. น้ำมันสำเร็จรูป 4,584.23 74.91 2. รถยนต์ อุปกรณ์ 3,936.11 42.51 10. เครื่องสำอาง 1,215.09 126.88 11. ข้าว 1,052.44 84.15 12. เครื่องยนต์สันดาป 913.95 40.06 13. ผลิตภัณฑ์ยาง 804.73 36.54 16. รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ 642.21 34.62 17. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 566.30 32.56 21. เครื่องรับวิทยุ 426.25 48.41 24. ไขมัน และน้ำมันจากพืช 323.61 37.95 25. เครื่องดื่ม 317.37 47.50 4.3 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดอาเซียน ปี 2551 (ม.ค. - ธค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 3 รายการ คือ อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 5. แผงวงจรไฟฟ้า 1,664.08 -11.26 18. ส่วนประกอบอากาศยานฯ 556.50 -27.55 20. เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯ 484.23 -47.03 4.4 ข้อมูลเพิ่มเติม

ปีนี้สถาบันอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้งบประมาณจากรัฐบาล 110 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาพัฒนาโครงการต่อเนื่อง และปี 2553 สถาบันฯได้เสนอของบประมาณใกล้เคียงกับปีนี้ อาจจะประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสิ่งทอในระดับอาเซียนมากขึ้น ทั้งนี้ สถาบันมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ 1.สถาบันฯต้องการจะเจาะตลาดใหม่ และเข้าไปศึกษาตลาดในแถบอาเซียนมากขึ้น โดยใช้งบประมาณ 110 ล้านบาท ที่ได้มา เป็นงบช่วยสนับสนุนในโครงการนี้ เพราะปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมสิ่งทอมีการส่งออกในแถบอาเซียนเฉลี่ยอยู่ที่ 850 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปีนี้จะส่งออกได้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 10% และ 2.โครงการพัฒนากระบวนการผลิตแบบลดต้นทุน หรือระบบลีน ถ้าโครงการนี้ประสบความสำเร็จ จะช่วยลดความเลี่ยงในกระบวนการผลิต ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนและค่าใช้จ่ายในอัตราที่สูงได้ สถาบันต้องการเจาะตลาดอาเซียน เพราะมองว่ายังสามารถขยายฐานตลาดได้เพิ่มอยู่ โดยเฉพาะตลาดที่เป็นของจีนใน 9 ประเทศ ที่ขณะนี้บริษัทของจีนถูกลูกค้าสั่งห้ามนำเข้าสินค้า ไทยจึงน่าจะใช้โอกาสนี้เข้าแทรกแซง หรือแย่งตลาดที่เคยเป็นของจีนอยู่มาครองไว้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยที่สามารถมาเปิดตลาดแข่งได้ในอนาคต เพราะการผลิตเสื้อผ้าไทยมีมาตรฐานและมีคุณภาพมากกว่าจีน อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรามสิ่งทอไทย อาจลดลง 4-5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยอดคำสั่งซื้อหดตัวลงตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2551 และลุกลามมาในปีนี้ด้วย

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ถือว่าปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์วิกฤตมากที่สุด ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีตลาดรถจักรยานยนต์จะเหลือเพียง 1.7 ล้านคัน แม้ยอดขายจะทรงใกล้เคียงปี 2550 แต่ยอดขาย 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายหดตัวไป 3-5% ทำให้ประเมินว่า สิ้นปีนี้ยอดจำหน่ายตลาดรวมอาจจะลดลงเล็กน้อย ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่า ปี 2552 ยอดขายจะลดลงอย่างแน่นอน คร่าวๆ มองว่า น่าจะลดมากถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์" สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยที่เกิดขึ้น หากเทียบกับวิกฤติปี 2540 มีความแตกต่างกัน ยอดขายปีนั้น จาก 1.5 ล้านคัน เหลือ 5 แสนคัน แต่ช่วงปีที่แล้ว กับปีนี้ และจากนี้อีก 2 ปี น่าจะไม่รุนแรงเท่า เพียงแต่ยอดจะหดลง ทำให้ผู้ประกอบการต้องทำงานหนักขึ้น ขณะที่ ความต้องการในตลาดอาเซียน สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคนี้ ล้วนเป็นแหล่งขุมทรัพย์หลายที่ ไม่ว่าเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโต 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าไทย 1.5 เท่า หรือที่ประเทศอินโดนีเซีย ที่เป็นตลาดใหญ่อยู่แล้ว เนื่องจากอัตราการเติบโตมากถึง 30% แต่หลังโดนพิษสึนามิ การเงิน เล่นงาน ทั้ง 2 ประเทศกำลังซื้อก็ลดลงเช่นกัน จุดนี้เอง การส่งออกไปยังทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งถือว่า เป็นแหล่งรายได้ของยามาฮ่า ทำให้ประเมินว่า ยอดการส่งออก ที่เคยทำรายได้แก่ยามาฮ่า จะลดลงเช่นกัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ของยอดขายทั้งหมดของยามาฮ่า ที่คาดการณ์ว่าในปี 2551 จะทำได้ถึง 28,000 ล้านบาท เหลือเพียง 24,000 ล้านบาท ในส่วนยามาฮ่า ทิศทางอนาคตปี 2552 ในสภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ไทยตกต่ำเช่นนี้ ต้องมีการทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำตลาด และกิจกรรมในพื้นที่ของตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น และต้องออกไปหาลูกค้าโดยตรง สลับกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วย จากกิจกรรมส่งเสริมการขาย (โปรโมชัน) หรือการจัดอีเว้นท์ มาร์เก็ตติ้ง ควบคู่กันไป

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ