ผู้ประกอบการเครื่องหนังไทยประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า India International Leather Fair 2009 ระหว่างวันที่ 31 มกราคม — 3 กุมภาพันธ์ 2552 สามารถทำรายได้เข้าประเทศไทยได้กว่า 62 ล้านบาท
งานแสดงสินค้า India International Leather Fair 2009 เป็นงานแสดงสินค้านานาชาติ ประเภทสินค้าประกอบด้วย หนังดิบ หนังฟอกและลิตภัณฑ์ รองเท้า วัสดุ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ในการเดินทาง เข็มขัด เครื่องหนังขนาดเล็ก (เช่น พวงกุญแจ กรอบรูป เป็นต้น) เสื้อผ้าทำด้วยหนัง เครื่องมือ เครื่องจักร เคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมหนัง และการบริการให้คำปรึกษาฯ เป็นต้น อีกทั้งเป็นการแสดงสินค้าที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศอินเดีย จัดโดย India Trade Promotion Organization (ITPO) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นอยู่กับกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของอินเดีย ร่วมกับหน่วยงานและสมาคมที่เกี่ยวกับเครื่องหนังของอินเดีย งานดังกล่าวจัดขึ้นปีละครั้ง และเพื่อให้ง่ายแก่การจดจำ ผู้จัดงานฯ ได้กำหนดให้จัดงานระหว่างวันที่ 31 มกราคม — 3 กุมภาพันธ์ ของทุกๆ ปี ลักษณะงานเป็นการเจรจาธุรกิจเพียงอย่างเดียว ประเทศไทยเข้าร่วมงานนี้เป็นครั้งที่ 3 (ครั้งแรก เข้าร่วมงานในลักษณะ Information Stand และในครั้งที่ 2 และ 3 เป็นการเข้าร่วมงานเต็มรูปแบบ)
กิจกรรมพิเศษในงาน ประกอบด้วย การจัดสัมมนาในหัวข้อต่างๆ การจัดนิทรรศการโดยมีการจัดแสดงแนวโน้ม (Trend) สี วัตถุดิบ และรูปแบบสินค้าที่จะเป็นที่นิยมของตลาดในฤดูกาลหน้า โดยกิจกรรมพิเศษดังกล่าวมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
พื้นที่จัดแสดงสินค้า ณ Chennai Trade Centre, Chennai จำนวน 4 อาคาร และส่วนต่อเติมเพิ่ม 2 ส่วน (Hall 1-3, Convention Centre and Hanger 1-2) พื้นที่จัดงานแสดงสินค้ารวมประมาณ 8,400 ตารางเมตร สำหรับคูหาประเทศไทยตั้งอยู่อาคาร 2 และ 3 โดยได้จัดคูหาผู้เข้าร่วมงานไทยตามหมวดสินค้า Chemicals, Finished Leather, Shoe Components รวม 10 คูหา โดยสถานที่ตั้งและการก่อสร้าง/ตกแต่งคูหาประเทศไทยในปีนี้มีความสวยงาม โดดเด่น สะดุดตา ทำให้เมื่อผู้เข้าชมงานสามารถมองเห็นคูหาประเทศไทยได้อย่างชัดเจนมาแต่ไกล
มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 8,000 ราย เป็นผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศ 400 ราย จากประเทศต่างๆ อาทิเช่น สเปน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี บราซิล เม็กซิโก สหรัฐฯ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย แอฟริกาใต้ ศรีลังกา ไทย บังคลาเทศ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้เข้าชมงานเป็นนักธุรกิจผู้นำเข้าเพื่อมาเจรจาการค้าทั้งสิ้น เนื่องจากการเข้าชมงานดังกล่าวจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 200 รูปี อีกทั้งเป็นงานสำหรับเจรจาการค้าเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายปลีก
การออกแบบตกแต่งคูหาประเทศไทย สำนักงานพาณิชย์ฯ ณ เมืองเจนไน ได้กำหนดสีและรูปแบบให้มีความโดดเด่นและเป็นที่นิยมในตลาดอินเดีย และมีสัญลักษณ์ธงชาติไทยด้านบน ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้เข้าร่วมงานทุกรายเห็นพ้องกันว่ารูปแบบของคูหาไทยในปีนี้สวยงาน โดยหากเปรียบเทียบกับคูหาของประเทศอื่นจะพบว่ามีความโดดเด่นกว่า จึงทำให้สินค้าไทยที่นำไปจัดแสดงมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดงานปีนี้ยังมีการจัดประกวดและตัดสินการออกแบบคูหาประเภทต่างๆ จากคณะกรรมการฯ ซึ่งคูหาประเทศไทย (Thailand Pavilion) ได้รับรางวันชนะเลิศประเภทการออกแบบดีเด่น จึงเห้นว่าจากความโดดเด่นของคูหาและศักยภาพสินค้าจะช่วยให้ผู้นำเข้าอินเดียและประเทศต่างๆ รู้จักสินค้าไทยเพิ่มขึ้นต่อไป
สินค้าที่ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทยนำไปจัดแสดงเป็นประเภทผลิตภัณฑ์หนังสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ กาว ส้นรองเท้าสตรี เป็นต้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เคยเข้าร่วมงานกับกรมส่งเสริมการส่งออกมาแล้ว ทำให้สามารถจัดแสดงสินค้าได้สวยงามและเจรจาการค้าได้ระดับดี
ผลการเจรจาการค้า ณ งานทันทีมีมูลค่าประมาณ 102,000 เหรียญสหรัฐฯ (3,570,000 บาท) และคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อภายใน 1 ปี 1,765,000 เหรียญสหรัฐ (61,775,000 บาท) ( หมายเหตุ: คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน USD 1=35 บาท)
สินค้าที่ได้รับการสั่งซื้อ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หนังสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ กาว และส้นรองเท้า
จากการประเมินผลร้อยละ 87.5 พอใจกับการเข้าร่วมงาน และมีความสนใจที่จะเข้าร่วมงานนี้ในปีต่อไป โดยให้ความเห็นว่าตลาดอินเดียยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับสินค้าดังกล่าว
นักธุรกิจที่เข้ามาชมงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากผู้จัดงานมีการเก็บค่าเข้าชมงาน 200 รูปี/คน ทำให้เป็นการคัดเลือกผู้เข้าชมงานในระดับหนึ่งด้วย ทั้งนี้ จากการที่สำนักงานพาณิชย์ฯ ณ เมืองเจนไน ได้ดำเนินการเชิญชวนและจัดทำนัดหมายให้ผู้นำเข้าเป้าหมายให้มาเยี่ยมชมคูหาไทยเป็นพิเศษ พร้อมทั้งจัดให้มีการเจรจาการค้ากับผู้เข้าร่วมงานชาวไทยในลักษณะ Business Matching จึงทำให้การเข้าร่วมงานดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง
สถานที่จัดงาน Chennai Trade Centre เป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการจัดงานในเมืองเชนไน
นายไพศาล มะระพฤษ์วรรณ
รองกงสุลใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ ณ เมืองเจนไน
ที่มา: http://www.depthai.go.th