กรรมาธิการวางแผนเศรษฐของอินเดีย (the Planning Commission) ของอินเดียได้ประกาศเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2552 ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2551 จะอยู่ที่ประมาณ 6.7% และไม่น่าจะเกิดปัญหาเงินฝืดในอินเดีย สำหรับในปี 2552 คาดว่า GDP จะขยายตัว 6.5% (ปีงบประมาณของอินเดียคือ 1 เมษายน — 31 มีนาคม ของทุกปี)
ในการนี้ กรรมาธิการวางแผนเศรษฐกิจฯ ยังได้แถลงว่ามีสัญญานหลายอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินเดียภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ อันเป็นผลจากการอัดฉีดเงินของรัฐบาลสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 8.5 แสนล้านรูปีผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การลดภาษีสรรพสามิตทุกประเภทลง 4% การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการซื้อบ้าน และรัฐบาลแบกรับภาระดอกเบี้ย 2% ในเงินกู้ของภาคธุรกิจส่งออก เป็นต้น พร้อมทั้งมาตรการปกป้องตลาด เช่น ขึ้นภาษีนำเข้าและจำกัดปริมาณนำเข้าในสินค้าเหล็ก และขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์ม 20% เป็นต้น
ปัจจุบัน เริ่มมีสัญญาที่ดีในหลายสาขา โดยเฉพาะในสาขาสินค้าคงทน ในกรณีของบริษัท LG มียอดการขายเพิ่มขึ้น 29% ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 โดยยอดขายในโทรทัศน์ LCD ขยายตัวถึง 153% และคาดว่ายอดขายสินค้าคงทนในปี 2552 จะขยายตัวถึง 28% ขณะที่ซัมซุงแถลงว่าในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 มียอดขายเพิ่มขึ้น 30% ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการลดภาษีสรรพสามิตลง 4% ทำให้บริษัทต่างๆ หันมาแข่งกันตัดราคาลงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นเทศกาลแต่งงานของอินเดียที่กำลังมาถึง (กุมภาพันธ์ —มิถุนายน) ซึ่งโดยวัฒนธรรมอินเดียถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่และต้องซื้อสินค้าคงทนใหม่ทั้งหมดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ยอดขายสินค้าคงทนขยายตัว
ในปี 2551 ยอดขายของสินค้าคงทนมีการเติบโต 11% ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมีการเติบโต 14 % โดยเป็น CTV เติบโต 12% LCD เติบโต 150 % และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ 10%
อุตสาหกรรมเหล็กมีการเติบโตของการผลิตดีขึ้นในเดือน ก.พ. 52 คิดเป็น 3.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีการขยายตัว 2.3% และในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. 52-12%, ธ.ค. 51-3.2%, พ.ย.51-2.7%, ต.ค. 51-1.6%)
อุตสาหกรรมซีเมนต์ในเดือน ก.พ. 52มีการขยายตัว คิดเป็น 8.3% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีการขยายตัว 12.8% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 4 เดือนก่อนหน้าพบว่าเดือน ก.พ. 52 โดยรวมมีการปรับตัวดีขึ้น (ม.ค. 52-8.3%, ธ.ค. 51-11.6%, พ.ย.51-8.7%, ต.ค. 51-6.2%) การฟื้นตัวของสาขาเหล็กและซีเมนต์เป็นผลโดยตรงจากมาตรการด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและการอัดฉีดเงินสู่การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการซื้อบ้าน อุตสาหกรรมถ่านหินในเดือน ก.พ. 52มีการขยายตัว คิดเป็น 6% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีการขยายตัว 11.6% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 4 เดือนก่อนหน้าพบว่าเดือน ก.พ. 52 มีการปรับตัวดีขึ้น (ช่วง ต.ค. 51 — ม.ค. 52 มีการขยายตัวเฉลี่ย 5 %)
อย่างไรก็ตามในสาขาน้ำมันดิบในเดือน ก.พ. 52มีการขยายตัว คิดเป็น -6.2% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีการขยายตัว 2.3% และสาขาน้ำมันสำเร็จรูปในเดือน ก.พ. 52 มีการขยายตัว คิดเป็น 0.5% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีการขยายตัว 5.8% ซึ่งกล่าวโดยรวมแล้วสาขาธุรกิจต่างๆ เริ่มมีสัญญานที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
นอกจากนั้น ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ นั้นคือ การเลือกตั้งโลกสภา (สภาผู้แทนราษฎร) ที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 100,000 ล้านรูปี โดยธุรกิจที่ได้ประโยชน์โดยตรง ได้แก่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มอัลกอฮอล์ สิ่งตีพิมพ์ สื่อสารมวลชน บริษัทให้เช่าเฮลิคอปเตอร์ ยานยนต์ และการขนส่งทุกประเภท ประมาณกันว่าจะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์กว่า 75 ลำในช่วงเลือกตั้งซึ่งจำเป็นมากในการเดินทางหาเสียงสำหรับประเทศที่ใหญ่มากอย่างอินเดีย เป็นที่คาดว่าธุรกิจนี้จะสามารถทำเงินได้กว่า 10,000 ล้านรูปีในช่วงเพียง 45 วันทั้งนี้ยังไม่รวมนายทุนพรรคบางคนที่อาจสนับสนุนนักการเมืองด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของบริษัท
สำหรับธุรกิจน้ำอัดลมก็คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 15% ในช่วงเลือกตั้ง การจำหน่ายจ่ายแจกเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในอินเดียยังสามารถทำได้ โดยในช่วง 3-4 วันก่อนเลือกตั้งจะมียอดการจำหน่ายสูงสุด
รถประเภท off-road เป็นเครื่องมือหาเสียงที่จำเป็นมากสำหรับการหาเสียงในท้องถิ่นชนบทที่ห่างไกลและล้าหลังของอินเดียก็คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ธุรกิจรถเช่าและรถแท๊กซีก็คาดว่าจะมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับสื่อโฆษณาต่างๆ คาดว่าจะมีรายได้กว่า 4,000 ล้านรูปี นอกจากนั้น การเลือกตั้งแต่ละครั้งรัฐบาลจะต้องใช้เงินกว่า 12,000 ล้านรูปีเพื่อจัดการเลือกตั้ง ผู้แทนแต่ละคนกฏหมายกำหนดให้ใช้เงินหาเสียงไม่เกิน 2.5 ล้านรูปี (ซึ่งในความเป็นจริงสูงกว่านั้นหลายเท่า โดยปกติหากมีมีผู้ลงหาเสียง 4 คนในเขตเลือกตั้งเดียวกันจะต้องใช้เงินรวมกันกว่า 30,000 ล้านรูปี)
สำนักงานพาณิชย์ ฯ ณ เมืองเจนไน
ที่มา: http://www.depthai.go.th