Edeka ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่มียอดการจำหน่ายในปี 2551 สูงที่สุดในเยอรมนี เนื่องจากในปี 2551 ที่ผ่านมาได้ทำการควบบริษัท Marktkauf เข้าในกิจการ โดยมียอดการจำหน่ายเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 37,606 ล้านยูโร (ประมาณ 1.692 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนระยะเดียวกันร้อยละ 2.6 ในจำนวนนี้มีส่วนแบ่งเป็นสินค้าอาหารร้อยละ 90.2 คิดเป็นมูลค่า 33,920.6 ล้านยูโร (ประมาณ 1.526 ล้านล้านบาท)รองลงมา เป็นกลุ่มเมโทร มียอดขายในปี 2551 ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.96 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 31,575 ล้านยูโร (ประมาณ 1.421 ล้านล้านบาท) โดยมีส่วนแบ่งเป็นอาหารร้อยละ 42.3 คิดเป็นมูลค่า 13,356.2 ล้านยูโร (ประมาณ 601,029 ล้านบาท) อันดับที่ 3 จะเป็นกลุ่ม Rewe มียอดการจำหน่ายเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 29,580 ล้านยูโร(ประมาณ 1,331 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนระยะเดียวกันร้อยละ 4.8 ในจำนวนนี้มีส่วนแบ่งเป็นสินค้าอาหารร้อยละ 83.4 คิดเป็นมูลค่า 24,669.7 ล้านยูโร การที่ Rewe มียอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับกิจการ Marktkauf (ร้านค้าประเภท Superstore) จากกลุ่มเมโทรเข้าในกิจการในปีที่ผ่านมา จึงทำให้ยอดขายในปี 2551 เพิ่มขึ้น
เมื่อรวมมูลค่าของกิจการค้าปลีกท็อป 30 กิจการ/กลุ่มบริษัทแรกจะมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงถึงร้อยละ 97.4 เฉพาะท็อป 10 กิจการแรกมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 85.7 ของการค้าปลีกในเยอรมนีในปี 2551 ที่มีมูลค่าทั้งสิ้น 221,160 ล้านยูโร มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07
กลุ่มบริษัท Lidl และ Kaufland สามารถแซงหน้ากลุ่ม Aldi ได้โดยมาเป็นอันดับที่ 4 มียอดขายสูงกว่าประมาณ 20 ล้านยูโร (ประมาณ 900 ล้านบาท) ทำให้กลุ่ม Aldi ตกเป็นอันดับที่ 5 สำหรับ Lekkerland ซึ่งมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นปั๊มท์น้ำมันทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ยอดขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้นได้อีกเล็กน้อยร้อยละ 0.54 เป็นมูลค่า 7,880 ล้านยูโร (ประมาณ 354,600 ล้านบาท)
สำหรับบริษัทที่เข้ามาเป็นท็อป 30 กิจการแรกของผู้ค้าสินค้าอาหารของเยอรมนีเป็นครั้งแรกในปี 2551 คือ Alnatura ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 ที่เมืองฟุลดา เพื่อจำหน่ายอาหารธรรมชาติอาหรเกษตรอินทรีย์ มีร้านค้าแห่งแรกที่เมืองมานน์ไฮม์ ในปี ค.ศ.1987 นอกจากนี้ได้มีการวางขายในร้าน dm Drogerie และ Budnikowski (ร้านค้าประเภท drugstore) ปัจจุบันมีร้านค้าสาขากระจายไปทั่วประเทศ กว่า 20 สาขา มียอดการจำหน่ายสินค้าในปี 2551 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 337 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 10.9 เนื่องจากผู้บริโภคสนใจสินค้าอาหารเกษตรอินทรีย์ มีความต้องการสินค้าประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
สำหรับการค้าของไทยกับเยอรมนีตลอดทั้งปี 2551 นั้นมีปริมาณการค้ารวมเป็นมูลค่า 7,693.9 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 โดยไทยส่งออกสินค้าไปเยอรมนี เป็นมูลค่า 3,198.45 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ร้อยละ 9.48 เยอรมนีนับเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 15 และการนำเข้าไทย —เยอรมนี มีมูลค่า 4,495.4 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลมูลค่า 1,296.97 ล้านเหรียญสหรัฐ ในด้านการนำเข้าเยอรมนีเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 13
สินค้าเกษตรกรรมรายการสำคัญๆ ของไทยที่ส่งออกไปเยอรมนี ได้แก่ ยางพารา มูลค่า 119.8 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ร้อยละ 77.8 รองลงมาเป็น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ส่งออกเป็นมูลค่า 77.2 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าลดลงร้อยละ 10.26 ไก่แปรรูป มีการส่งออกเป็นมูลค่า 63.2 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 58.1 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง มีการส่งออกเป็นมูลค่า 26.0 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ข้าว มีการส่งออกเป็นมูลค่า 23.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ที่มา: http://www.depthai.go.th