ในขณะนี้ ภาครัฐได้คาดการณ์การเจริญเติบโตเศรษฐกิจ (Gross Domestic Product : GDP) ซึ่งจะลดลงไปอีก อยู่ที่ร้อยละ —6 ถึง -9 เป็นการปรับการคาดการณ์เป็นครั้งที่ 3 ภายในรอบ 4 เดือน โดยการคาดการณ์เดิมครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2552 อยู่ที่ร้อยละ -2 ถึง 1% และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552 อยู่ที่ร้อยละ -2 ถึง -5%
การลดอัตราการเจริญเติบโต GDP ปี 2552 ลงอีก เนื่องจากในไตรมาสแรกของปี การเจริญเติบโต เศรษฐกิจถดถอยอย่างมากถึงร้อยละ -11.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าและประกอบกับการคาดการณ์การเจริญเติบโตเศรษฐกิจของโลกตลอดปีจะมีการอ่อนตัวลงมากด้วย ทั้งนี้ ภาคการผลิตลดลงร้อยละ 29 ในขณะที่ภาคการบริการลดลงร้อยละ 5.9 ยกเว้นภาคการก่อสร้าง เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.6 เพราะมีการดำเนินโครงการต่อเนื่องในการก่อสร้างที่พักอาศัยและสิ่งก่อสร้างพื้นฐานสำคัญ
อนึ่ง นายลี กวน ยู, รัฐมนตรีที่ปรึกษา กล่าวว่า การเจริญเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2552 ของสิงคโปร์ อาจจะมีอัตราลดลงถึงร้อยละ -10 หากสิงคโปร์ยังโชคร้ายได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามสิงคโปร์สามารถที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นได้รวดเร็วเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เนื่องจากสิงคโปร์เป็น globalize แม้ว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมากในด้านการนำเข้า การส่งออกและด้านการบริการสาขาต่างๆ ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะฟื้นตัวและมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2553 ความต้องการสินค้าจากสหรัฐฯ แม้จะมีจำนวนน้อยเมื่อเริ่มฟื้นตัว แต่ก็เพียงพอสำหรับสิงคโปร์ และประเทศในแถบเอเชียที่จะส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
โดยที่สภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการค้าซึ่งมีสัดส่วนสัมพันธ์สูงต่อ GDP ด้วยมูลค่าการนำเข้าและการส่งออกคิดเป็นประมาณ 3.5 เท่าของอัตรา GDP นับได้เป็นร้อยละ 360 ของ GDP หากเปรียบกับฮ่องกง ร้อยละ 270 อีกทั้ง สิงคโปร์ได้เปรียบจีนและอินเดีย ในด้าน higher-value industries ที่สำคัญ ได้แก่ เภสัชภัณฑ์ ซึ่งมีระบบโปร่งใสและให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแก่บริษัทที่ลงทุนในสิงคโปร์อย่างเต็มที่รวมถึง Monetary Authority of Singapore (MAS) ได้ปรับนโยบายให้ค่าเงินเหรียญสิงคโปร์อ่อนตัวลงเล็กน้อย การแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสิงคโปร์ ต่อ greenback เท่ากับ 1.50 เหรียญสิงคโปร์ (14 เมย. 52) และ MAS กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลจำเป็นใดๆที่จะต้องทำให้ ค่าเงินเหรียญสิงคโปร์อ่อนตัวลงอีก เพราะเศรษฐกิจเริ่มมีพื้นฐานที่มั่นคง และระบบการเงิน/ธนาคารกลับอยู่ในสภาพที่ฟื้นตัว
แม้ว่าตัวเลขการส่งออกในช่วงไตรมาสแรกของปีลดลงถึงร้อยละ 11.5 เกินกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้แต่นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ตัวเลขที่ใช้คาดการณ์สำหรับช่วงไตรมาสแรก เป็นตัวเลขของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2552 เท่านั้น หากได้รวมตัวเลขของการส่งออกเดือนมีนาคม ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นเกินอัตราที่คาดหวัง โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ 11 ( เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม ร้อยละ 1.6 ) จากการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 (กพ. ร้อยละ 1.6) และส่งออกสินค้าน้ำมัน เหล็ก และวัตถุดิบอื่นๆ ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ เพิ่มขึ้น คือ จีน และฮ่องกง นอกจากนี้ ผลการผลิตจากโรงงานในสิงคโปร์อยู่ในระดับที่มั่นคงและคาดว่าจะกลับฟื้นตัวได้อย่างเร็ว รวมถึงมีปัจจัยภายนอกที่ช่วยส่งเสริม ได้แก่ การเงิน/ธนาคาร และการค้าปลีกในสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัวขึ้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ สิงคโปร์
ที่มา: http://www.depthai.go.th