นับแต่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2551 ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจ ส่งผลให้การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ผู้บริโภคเริ่มประหยัดและระมัดระวังการใช้จ่ายมกขึ้น เป็นผลให้ยอดจำหน่ายสินค้าไม่ขยายตัว ส่งผลกระทบต่อในทางลบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ยอดค้าปลีกสินค้าและบริการเป็นดัชนีสำคัญชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากมูลค่าการค้าปลีกสินค้าบริการคิดเป็นร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของสหรัฐฯ (Growth Domestic Product : GDP)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดค้าปลีกรวมของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ยอดค้าปลีกรวมในเดือนเมษายน 2552 มีมูลค่า 337.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (11819.5 พันล้านบาท) ลดลงไปร้อยละ 0.4 เทียบจากเดือนมีนาคม 2552 หรือลดลงร้อยละ 10.1 เทียบจากเดือนเมษายน 2551
ยอดค้าปลีกของห้างขาย Discount Store เช่น Wal-Mart, Target และ ร้านขายสินค้าราคาย่อมเยา เช่น Dollar Store กลับมียอดจำหน่ายขยายตัว ในขณะที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Nordstrom, Saks Fifth Ave., Macy’s มียอดจำหน่ายลดลง ในทำนองเดียวกัน สินค้าคงทน เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มียอดจำหน่ายลดลง จึงเป็นปัจจัยที่ฉุดการขยายตัวของยอดค้าปลีกรวมของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมาข้อเสนอและคิดเห็น
1. การลดลงของยอดค้าปลีก มุ่งประเด็นไปที่ ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะโยงถึงการขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ และปัญหาการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับซึ่งเป็นผลให้รายได้ผู้บริโภคลดลง และการใช้จ่ายลดลงเป็นเงาตามตัว
2. การที่ยอดจำหน่ายของร้านค้าขายสินค้าในราคาย่อมเยาเพิ่มขึ้น แต่ยอดจำหน่ายของห้างสรรพสินค้าชั้นนำลดลง เป็นการย้ำให้เห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐฯ ลดลงต่ำสุดแล้ว
3. กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายในภาวะเช่นนี้ คือ การโฆษณาการให้ส่วนลดและสิ่งจูงใจเพื่อการชักจูงให้ผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย ปัจจุบัน ห้างซุปเปอร์มาร์เก็ต และ ห้างสรรพสินค้า ใช้กลยุทธ์การให้ส่วนลดกันเป็นส่วนใหญ่
4. นักวิเคราะห์ตลาดค้าปลีกเชื่อว่าวัน “Mother Day” มีส่วนที่จะช่วยเพิ่มยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคม 2552 เนื่องจาก ผู้บริโภคสหรัฐฯ ใช้จ่ายในวันแม่ สูงเป็นอันดับสองรองจากการใช้จ่ายในเทศกาลคริสต์มาส ดังนั้น อาจจะกล่าวได้ว่า ยอดจำหน่ายสินค้าในเดือนพฤษภาคม 52 จะเป็นดัชนีชี้ให้เห็นถึงภาวะการจำหน่ายสินค้าในเทศกาลคริสมาสปี 2552
5. รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการหลายประการที่จะมีผลต่อการเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภค เช่น การเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อให้สามารถปล่อยเงินกู้ให้แก่ภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มการจ้างงาน การสืบสวนบริษัทให้บัตรเครดิตที่ปฏิบัติไม่ชอบธรรมเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค และการช่วยเหลือผู้บริโภคที่สูญเสียที่อยู่อาศัย มาตรการเหล่านี้ สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภคต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยผลให้ผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่ายในอนาคต
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th