1. ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ตัวเลขต่างๆ ทางเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงเป็นอัตราที่ติดลบ อาทิผลผลิตสินค้าเครื่องจักรกลลดลงกว่าร้อยละ 55 เพราะมีการยกเลิกการสั่งซื้อมาก โดยเฉพาะจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สมาคมเครื่องจักรกลเยอรมัน คาดว่าในช่วง 2 — 3 เดือนข้างหน้านี้จะเริ่มมีการสั่งซื้อเข้ามาบ้าง ทำให้ประมาณการณ์ว่าตลอดทั้งปีมูลค่าการผลิตสินค้าแขนงนี้จะลดลงในอัตราประมาณร้อยละ 20 — 30 ปัจจุบันมีคนงานถูกลดชั่วโมงการทำงานกว่า 20,000 คนจากจำนวนคนงานทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านคน และจะมีการเลิกจ้างจำนวนหนึ่ง มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในช่วงต่อๆ ไป สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์คงเป็นไปในทำนองเดียวกัน มีคนงานที่ถูกลดชั่วโมงทำงานราว 30,000 คน รวมทุกสาขาคาดว่าตลอดปี 2552 นี้จะมีการลดชั่วโมงทำงานของคนงานโดยเฉลี่ยราว 300,000 คน
2. ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมีน ได้มีการต่อเวลาออกไปอีก 6 เดือนจากเดิมที่ให้ลดชั่วโมงทำงานได้นาน 18 เดือน โดยรัฐบาลจะชดเชยค่าจ้างส่วนที่ขาดให้กับคนงานนั้นๆ เมื่อครบกำหนดแล้วและผู้ประกอบการยังคงมีปัญหาอยู่ก็จะต้องรับผิดชอบเองต่อไป หรือแจ้งกิจการล้มละลาย ในกรณีที่กิจการล้มละลายจะทำให้มีคนว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีคนว่างงานทั้งสิ้นราว 4 ล้านคน
3. ในเดือนพฤษภาคม เยอรมนีมีจำนวนผู้ประกอบการทั้งสิ้น 39.96 ล้านคน น้อยกว่าปีก่อนระยะเดียวกัน 150,000 คน มีคนว่างงานรวมทั้งสิ้น 3.458 ล้านคน เทียบกับปี 2551 เดือนเดียวกันมีคนว่างงานเพิ่มขึ้น 175,000 คน หากเทียบกับเดือนเมษายน 2552 จำนวนคนว่างงานลดลง 127,000 คน แต่เนื่องจากทุกๆ ปีในเดือนพฤษภาคมจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นประจำจึงไม่เป็นผลกระทบมากกับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ และจะถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดียังไม่ได้
4. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงเน้นแต่การช่วยสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ ในขณะที่การช่วยเหลือเอกชน บุคคลทั่วไปหรือผู้มีรายได้น้อย มีน้อยมาก และผลของการใช้เงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ทำให้รัฐบาลต้องหาทางเพิ่มรายได้ของรัฐเพิ่มเติมอีกนอกเหนือจากการกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อเป็นงบประมาณของปี 2552 นี้ที่คาดว่าจะเป็นมูลค่ากว่า 47,000 ล้านยูโร จะมีการเพิ่มภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยมีการออกข่าวว่าจะเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 25
5. ปัญหาทางด้านการเงินรัฐบาล การขาดงบฯ และต้องกู้ยืมเงินเพิ่ม ตลอดจนการขึ้นภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ ยังคงจะมีอยู่ต่อไปในช่วง 2 — 3 ปีข้างหน้านี้ แต่ในขณะเดียวกันในด้านการอุปโภค บริโภคในประเทศยังคงดำเนินไปด้วยดี ค่าครองชีพโดยรวมมีแนวโน้มลดลง หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะน้ำมันดิบและสินค้าเชื้อเพลิงต่างๆ ได้มีราคาลดต่ำลงร้อยละ 20 - 40 ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เพราะมีการแข่งขันกันของร้านค้าปลีก (Discounter) ได้ทำให้ราคาสินค้าอาหารหลายชนิดลดลงมาก โดยเฉพาะนมและผลิตภัณฑ์ เหล่านี้ทำให้ในด้านเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่รุนแรงเท่าใด การจับจ่ายซื้อสินค้าของใช้ประจำวันยังคงดำเนินไปด้วยดี แต่เนื่องจากราคาวัตถุดิบและสินค้าส่วนใหญ่ลดลงมาก รวมทั้งค่าเงินยูโรที่สูงขึ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายในภาพรวมลดน้อยลง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ที่มา: http://www.depthai.go.th