ปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาตรวจพบสารปนเปื้อนในของเล่นที่ผลิตจากจีน ทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าจากจีนถูกมองในแง่ลบ และจึงจำเป็นอยู่เองที่ผู้นำเข้าต้องมองหาสินค้าดังกล่าวจากประเทศอื่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ทำให้ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกไทยได้รับส่วนแบ่งตลาดการค้าโลกมากขึ้น และจากแนวโน้มการให้ความสำคัญมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ซื้อที่มีมากขึ้น แม้จะทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น แต่ก็โอกาสของผลิตภัณฑ์ของเล่นไทยที่เป็นทางเลือกของผู้ซื้อมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้ซื้อจะพิจารณาเลือกสินค้าที่มีคุณภาพเป็นอันดับแรกมากกว่าราคาโดยเฉพาะของเล่นไม้เพื่อพัฒนาทักษะมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากสอดรับเทรนด์สินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของเล่นที่ได้รับความวางใจเรื่องคุณภาพและมาตรฐานการผลิต รวมทั้งความรับผิดชอบต่อลูกค้าและแม้ว่าต้นทุนการผลิตของจีนจะถูกกว่าไทยตลอดมา แต่บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งของสหรัฐ และญี่ปุ่น ยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยที่ออกแบบและผลิตของเล่นเองแล้วส่งไปขายในตลาดโลกโดยใช้แบรนด์ไทย ก็เป็นที่ยอมรับของผู้ซื้อและผู้บริโภคในตลาดโลก ขณะนี้มีผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์ของเล่นรายใหญ่ของโลกประมาณ 3-4 ราย ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยและผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตของเล่นเพื่อการส่งออกในอนาคต
หลังจากที่สหรัฐฯได้เรียกเก็บคืนของเล่นที่ผลิตจากจีน ส่งผลให้ทั้งสหรัฐฯและประเทศในแถบยุโรปมีการปรับเปลี่ยน และกำหนดมาตรฐานคุณภาพของเล่นใหม่เพื่อความปลอดภัยมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี ที่ผ่านมาแต่จากการที่ข้อกำหนดดังกล่าวออกมาล่าช้าส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมายอดการส่งออกของเล่นจากไทยเติบโตในอัตราที่ลดลงไปอย่างมากอยู่ที่ร้อยละ 15-16 จากที่ผ่านมาเคยเติบโตสูงกว่านี้ ทั้งนี้เนื่องจากประเทศดังกล่าวมีการชะลอคำสั่งซื้อสินค้าของเล่นออกไป จนกว่ากฎหมายเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าของสหรัฐฯมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตามในเดือนมิถุนายนนี้ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของเล่นไทยได้รับสัญญาณที่ดีจากคำสั่งซื้อที่กลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องและคาดว่าการส่งออกครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม คือ สหรัฐ ญี่ปุ่น ควบคู่กับการขยายตลาดใหม่ อาทิ อินเดีย ตะวันออกกลาง รัสเซีย เป็นต้น คาดว่าตะวันออกกลางเริ่มมีคำสั่งซื้อในเดือนสิงหาคม ส่วนอินเดียกำลังนำคณะผู้แทนการค้าไปศึกษาตลาดและเจรจา คาดว่าคำสั่งซื้อจะเริ่มในเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ ในปี 2551 ไทยส่งออกสินค้าของเล่น คิดเป็นมูลค่า 247 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม — พฤษภาคม) ไทยส่งออกสินค้าของเล่นคิดเป็นมูลค่า 67.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวลดลงร้อยละ 21.09 ตลาดส่งออกของเล่นที่สำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศในยุโรป ส่วนฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 7 ของไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีข้อกีดกันทางการค้าน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ และยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552 ไทยส่งออกสินค้าของเล่นไปฮ่องกงคิดเป็นมูลค่า 1.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 13.80
ที่มา: http://www.depthai.go.th