ลู่ทางและโอกาสการค้าของไทยที่กวม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 5, 2009 15:09 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สหรัฐอเมริกาได้ลงนามในการทำสัญญาย้ายฐานทัพจากเกาะโอกินาวาของประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศกวม ซึ่งจะมีการก่อสร้างระบบโครงสร้างขนาดใหญ่ อาคารที่ทำการและบ้านพักรวมกว่า 100,000 ยูนิต เพื่อรองรับทหารจำนวน 8,000 คนพร้อมครอบครัว โดยจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2553 และให้แล้วเสร็จในปี 2557 ในการนี้สหรัฐฯ ได้ตั้งงบประมาณในการเคลื่อนย้ายฐานทัพนี้ไว้ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐก่อให้เกิดโอกาสทางการค้า การลงทุนทั้งในด้านการก่อสร้าง (วัสดุก่อสร้าง เช่นปูนซีเมนต์ เครื่องสุขภัณฑ์ กระเบื้อง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านและสำนักงาน รวมไปถึงแรงงาน) อาหาร การบริการ (รายได้ร้อยละ 95 มาจากภาคการท่องเที่ยว) และการบริการอื่นๆที่จะรองรับฐานทัพใหม่ที่มีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม สปา ร้านขายของที่ระลึก สินค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับ ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสทางการค้า การส่งออกของไทยทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามมาตรฐานสินค้าที่จะขายในกวมเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในสหรัฐฯ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่จะส่งสินค้าไปขายต้องเตรียมมาตรฐานให้ได้เช่นเดียวกันกับในสหรัฐฯ

ในการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่นี้มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานฝีมือเป็นจำนวนมากเนื่องจากบนเกาะมีประชากรน้อย ซึ่งในส่วนนี้แรงงานไทยยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากแรงงานไทยเป็นที่ต้องการของตลาดเพราะขยันขันแข็ง ความประพฤติดี และมีฝีมือแม้ว่าจะขาดทักษะในเรื่องภาษาก็ตาม แรงงานที่จะไปทำงานบนเกาะจะมีรายได้ตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของสหรัฐฯ สูงถึงชั่วโมงละ 7.5 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 240 บาท ซึ่งขณะนี้สำนักแรงงานไทยในต่างประเทศ ประจำฮ่องกงได้เข้าไปประสานหาข้อมูลในเบื้องต้นแล้ว

กวมเป็นฐานทัพที่สำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐฯทางมหาสมุทรแปซิฟิกและเป็นฐานทัพของทุกเหล่าทัพไม่ว่าจะเป็นเรือ บก และอากาศ แถมยังมีที่กลั่นน้ำมัน อู่ซ่อมเรือ และอุตสาหกรรมบริการด้านทหารทุกประเภทสร้างขึ้นบนเนื้อที่สำคัญด้านเศรษฐกิจของเกาะ

แม้ว่าจะมีการจับปลาเป็นรายได้ที่สำคัญแต่การท่องเที่ยวถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศโดยเป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถึงร้อยละ 70 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด มีโรงแรมกว่า 20 แห่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนกว่า 1.2 ล้านคนต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการก่อสร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 และมีห้องประมาณ 12,000 ห้อง

อุตสาหกรรมของกวมถือว่ายังมีความสำคัญน้อยมากคือมีแค่เพียงร้อยละ 4 ของแรงงาน โดยมีการผลิตปูนซีเมนต์ การทำอาหาร พลาสติก ทอผ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป

เศรษฐกิจของกวมซึ่งเดิมอาศัยการท่องเที่ยวแต่เพียงอย่างเดียว จะได้รายได้เพิ่มอีกจากการย้านฐานทัพซึ่งจะทำให้ประชากรมีงานทำและยังจะมีเงินสะพัดในประเทศ เนื่องจากงบประมาณที่สูงมากในการย้ายฐานทัพ ที่จะช่วยแก้ปัญหาการว่างงานในประเทศ

เดิมเศรษฐกิจของกวมเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ คือต่ำกว่า ร้อยละ 1 ต่อปี อาหารและสินค้าอุตสาหกรรมที่จำเป็นล้วนเป็นการนำเข้า นโยบายของกวมคือกระตุ้นให้มีการลงทุนต่างชาติให้มากขึ้นโดยปัจจุบันมีบริษัทการค้าสหรัฐฯมาตั้งสำนักงานอยู่กว่า 300 บริษัท และคาดว่าจะมีบริษัทต่างชาติเข้าลงทุนในกวมอีกมาก ในแง่ของการที่จะมีการย้ายฐานทัพมาจากเกาะโอกินาวา และด้านการท่องเที่ยวที่เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตอันใกล้ แม้ว่ากวมจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากต่างชาติ แต่กวมซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษจะได้รับภาษีจากข้าราชการทหารและพลเรือนที่มาประจำการอยู่ โดยคนท้องถิ่นไม่ต้องจ่ายภาษีแต่อย่างใด

ไทยกับกวมมีการค้าต่อกันน้อยมากคือมีมูลค่าเพียง 10.75 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการส่งออก 9.49 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.83 และ 28.65 เมื่อเทียบกับปี 2549 และ 2550 ขณะที่การนำเข้ามีแค่เพียง 1.26 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 715.33 จากเดิมซึ่งมีมูลค่า 150,000 ล้านเหรียญฯ เมื่อปื 2550

สินค้าที่มีศักยภาพของไทย ได้แก่ ข้าว เสื้อผ้าสำเร็จรูป กุ้งสดแช่เย็น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เคหะสิ่งทอ ผลไม้กระป๋องและแปรรูปกล้วยไม้ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ผลิตภัณฑ์ข้าว เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ