แนวโน้มอาหารไทยฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 18, 2009 16:08 —กรมส่งเสริมการส่งออก

อาหารจัดเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศมีมูลค่าการส่งออกติดอันดับต้นๆของมูลค่าการส่งออกรวม มีอัตราการเติบโตเกือบทุกปี อย่างไรก็ตามในปี 2552 จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผลทำให้ตัวเลขการส่งออกอาหารไทยในช่วงครึ่งปีแรกลดลงเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ

ส่วนครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเพราะเศรษฐกิจหลายประเทศในยุโรปและอเมริกาและญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยจะได้รับปัจจัยบวกเนื่องจากความวิตกกังวลของผู้บริโภคที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจลดลงมาก ประกอบกับต้นทุนการผลิตลดต่ำลงขณะที่ราคาขายยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกอาหารของไทยจะขยายตัวเป็นบวกในไตรมาสสุดท้าย ขณะนี้มีการเพิ่มคำสั่งซื้ออาหารเพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้ผู้ผลิตอาหารไทยต้องเพิ่มกำลังการผลิตและรับแรงงานจำนวนมากโดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นคาดว่าการส่งออกอาหารไทยปี 2552 อาจมีมูลค่า 7.4 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนเพียง 5% แต่เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ถึง 2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารสำเร็จรูป กุ้ง ไก่ น้ำตาลทราย ปลากระป๋อง เครื่องปรุงรส ข้าวแปรรูปและน้ำผลไม้

โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากตัวแปรเศรษฐกิจต่างๆ และการลงทุนจากต่างชาติเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น ดังนี้
  • สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดให้มีการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยและสิงคโปร์เข้าร่วม 53 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทยร่วม 42 บริษัท เช่น บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด บริษัทสุรพลฟู้ดส์ และผู้ประกอบการสิงคโปร์ 11 บริษัท
  • จากเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวประกอบกับสินค้าอาหารของประเทศจีนซึ่งเคยเป็น ผู้ส่งออกรายใหญ่ไปญี่ปุ่นมีปัญหาสารเมลามีนปนเปื้อนในปีที่ผ่านมาส่งผลให้เวลานี้ญี่ปุ่นได้ย้ายฐานการซื้อสินค้าไก่แปรรูปมาไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าอาหารของไทยถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเจาะตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเช่น ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น
  • สหฟาร์มได้ลงนามเป็นตัวแทนการค้าในประเทศมาเลเซียและกลุ่มประเทศมุสลิม โดยใบรับรองฮาลาลของมาเลเซียที่สหฟาร์มได้รับครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยฮาลาลถือเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร และได้รับการรับรองโดยรัฐบาลมาเลเซีย จึงเป็นที่เชื่อถือของโลกมุสลิม ดังนั้นใบรับรองฮาลาลที่สหฟาร์มได้รับจากมาเลเซียเหมือนเป็นการการันตีให้กับสหฟาร์มที่จะบุกตลาดผลิตภัณฑ์จากไก่เข้าสู่ชาวมุสลิมในแถบตะวันออกกลางเป็นความหวังที่จะเพิ่มยอดขายในอีก 2 ปีข้างหน้าให้ได้ 1 แสนล้านบาทได้
  • แบรนด์ เค.ซี.เฟรช ผู้ผลิตส่งออกผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้สดพร้อมบริโภคชั้นนำ รวมทั้งจำหน่ายในประเทศ กล่าวถึงภาพรวมของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากกว่า 30% ทั้งนี้เป็นผลจากสินค้ากลุ่มอาหารได้รับผลกระทบไม่มากจากวิกฤติเศรษฐกิจจากการที่บริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าผักและผลไม้สดที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย (ฟูดเซฟตี้) ระดับสากลได้วางแผนการขยายตลาดกับคู่ค้าในต่างประเทศมาเป็นอย่างดีนับแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักในจำนวนนี้สัดส่วนประมาณ 65% ส่งไปที่อังกฤษที่เหลือเป็นเยอรมนี สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย
  • การดำเนินธุรกิจเฉพาะอาหารภายใต้ซีพีแบรนด์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมียอดการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ซีพีรวมแล้วกว่า 3,400 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง 5 ทวีปทั่วโลก โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่มีมูลค่าสูงที่สุดประมาณ 900 กว่าล้านบาท และที่รองลงมาเป็นประเทศในทวีปยุโรปประมาณ 800 ล้านบาท สำหรับการขยายการส่งออกอาหารในฮ่องกง ที่ผ่านมาทำการเปิดตลาดอาหารภายใต้แบรนด์ซีพีบนเกาะฮ่องกงมาได้ประมาณ 3 ปี และมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์เกือบทุกปีซึ่งหลังจากนี้บริษัทคาดว่ายอดการส่งออกอาหารจะขยายตัวอีกได้ถึง 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องดังกล่าวน่าจะเป็นผลมาจากการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวฮ่องกงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ชาวฮ่องกงหันมาให้ความสนใจบริโภคอาหารที่มีราคาลดลง แต่ยังคงเน้นในเรื่องของคุณภาพและรสชาติอยู่เช่นเดิม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ