แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจ ฮ่องกงจะค่อยๆฟื้นตัว แต่กูรูด้านเศรษฐศาสตร์ฮ่องกงคาดการณ์ว่ายังอีกไกลสำหรับการฟื้นตัวเต็มที่ และเสนอให้รัฐบาลฮ่องกงเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม รวมทั้งต้องพัฒนาแนวทางใหม่ๆ เพื่อเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฮ่องกง อาทิ การศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข การตรวจสอบและออกใบรับรองมาตรฐาน สิ่งแวดล้อม นวตกรรมและเทคโนโลยี การบริการเชิงสร้างสรรและวัฒนธรรม
สำหรับในระยะสั้น มีการเสนอให้ขยายเวลามาตรากรช่วยการกู้ยืมภาคเอกชนไปอีก 1 ปี เพราะแม้หลายบริษัทจะเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคตยังไม่ชัด ทำให้ ผู้ซื้อหลายรายยังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจริง ดังนั้นจึงยังใช้นโยบายรอดูก่อน (wait and see) ส่งผลให้ไม่กล้าสั่งซื้อตามที่เป็นจริง จะซื้อเท่าที่จำเป็นก่อน ส่งผลให้ผู้ประกอบการฮ่องกงยังต้องการเงินทุนสำหรับหล่อเลี้ยงธุรกิจให้อยู่ได้ นอกจากนี้หน่วยงาน Hong Kong Export Credit Insurance Corporation (ECIC) ควรขยายขอบเขตบริการให้ครอบคลุม ความเสี่ยงของ SMEs ทั้งหมด มิใช่เฉพาะแต่ผู้ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกเหมือนที่เป็นอยู่
1. ผ่านสิ่งจูงใจด้านภาษี
- ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือ CEPA ที่ทำกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเจรจารัฐบาลจีนให้ขยายเวลาการยกเว้นการเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาของนักธุรกิจฮ่องกงที่ไปทำธุรกิจในจีน และอาศัยอยู่ในจีนไม่เกิน 183 วัน เป็น 270 วัน
- สำหรับนักลงทุนต่างประเทศควรมีมาตรการ group loss relief และ loss carry-back arrangement เพื่อจูงใจ และผ่อนคลายภาระด้านภาษี และเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจชะงักงันอยู่ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางธุรกิจ รัฐบาลฮ่องกงควร คิดภาษีกำไรจากธุรกิจฮ่องกงที่ไปลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ อยู่บนฐานสัดส่วน 50:50 ต่อไป
- ขยายเวลาการคิดค่าเสื่อมราคาสำหรับเครื่องจักรและโรงงานต่อไป
2. ตั้งเงินกองทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญฮ่องกงสำหรับสนับสนุนผู้ประกอบการฮ่องกงที่ประสงค์จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในจีนแผ่นดินใหญ่ หรือขยายขนาดของคูหางานให้ใหญ่ขึ้นเป็นที่สะดุดตา
3. การพัฒนาเสาหลักทางเศรษฐกิจใหม่ของฮ่องกง โดยเฉพาะด้าน การประดิษฐ์คิดค้นและเทคโนโลยี (innovative & Technology) วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรร (Culture&Creative Industries) ตลอดทั้ง สิ่งแวดล้อม
โดยควรกำหนดยุทธศาสตร์ในระยะยาวเพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคส่วนนี้ และจูงใจผู้ประกอบการให้ขยายกิจกรรมด้านสร้างสรรและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น อาทิ มาตรการลดภาษี เป็นสามเท่าของจำนวนเงินที่ลงทุนไปในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งจะกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนด้าน R&D ตลอดทั้งกิจกรรมที่เพิ่มมูลค่าใหม่ๆ มากขึ้น
สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม รัฐบาลควรเป็นผู้นำด้านการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไฟจราจร และรถใช้ไฟฟ้า รวมทั้งสนับสนุนภาคเอกชนให้หันมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน การลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งการลดภาษีการจดทะเบียนรถประหยัดพลังงาน จาก ร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 50 หรือยกเว้นภาษีไปเลย
จากข้อมูลนี้ จะเห็นได้ว่า ฮ่องกงยังไม่ไว้ใจว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจริงแบบที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ แม้หากดูตัวเลขการส่งออกนำเข้าของประเทศสำคัญในตลาดโลกจะเห็นว่า ฮ่องกง เป็นประเทศที่ฟื้นตัวได้เร็วประเทศหนึ่ง ยังเห็นว่ามาตรการเสริมสภาพคล่อง และภาษียังมีความจำเป็น พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานความรู้ เพื่อเผชิญกับความท้าทายในอนาคต และข้อจำกัดต่างๆ ของฮ่องกง เช่น ขาดแคลนทรัพยากรที่ดิน และปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งจำเป็น
สคต.ฮ่องกง
ที่มา: http://www.depthai.go.th