ภาวะเศรษฐกิจโลกของประเทศสำคัญๆในไตรมาส 3 ของปี 2552 ได้ผ่านพ้นมาแล้ว ในส่วนของฮังการีคาดการณ์ว่าจะสิ้นสุดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสที่ 4 การฟื้นฟูสู่สภาพปกติอาจจะเร็วกว่าที่คาดหวัง และระดับ GDP จะเพิ่มขึ้นในปี 2554-2555 เท่านั้น ในปี 2553 คาดว่าเศรษฐกิจในยุโรปจะเติบโตปานกลาง และเศรษฐกิจฮังการียังซบเซา ความมั่นใจในเศรษฐกิจฮังการีที่เลวลงไปก่อนหน้านั้นจะเริ่มดีขึ้น
ในปี 2552 คาดว่าค่า GDP ลดลงร้อยละ 2.5 ประเทศสหรัฐอเมริกา ลดลงร้อยละ 4 สหภาพยุโรปและฮังการี ลดลงร้อยละ 6.5 ในปี 2552 ฮังการีไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนสุทธิภายนอกเนื่องจากจะใช้เงินกู้ที่ได้รับมาเมื่อเร็วๆ นี้สำหรับการเพิ่มขึ้นของเงินสำรองระหว่างประเทศหรือคืนเงินที่ยืมมาก่อนหน้านี้ นโยบายเศรษฐกิจฮังการีหลีกเลี่ยงภัยคุกคามที่สำคัญของวิกฤตทั่วโลก ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน และ สภาพคล่อง มีการแก้ไขที่สำคัญเพื่อคืนความสมดุลภายนอกและภายในเป็นหลัก โดยตัดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลทั่วไปลงโดยการเปลี่ยนแปลงระบบและปรับโครงสร้างเงินบำนาญ บริการสังคม และระบบภาษี บริษัทและครัวเรือนลดความต้องการด้าน สินเชื่อ การบริโภค และการลงทุน
ในปี 2553 เศรษฐกิจฮังการีจะซบเซา คาดว่าการฟื้นฟูสู่สภาพปกติกับการเติบโตปานกลางของ GDP จะมีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อัตราเงินเฟ้อจะลดลง การว่างงานน่าจะสูงสุดในปี 2553 ความสมดุลภายในและภายนอกในปัจจุบันของฮังการีอาจอยู่ในระดับเฉลี่ยของมาตรฐาน EU ที่ดีขึ้นในปี 2553 รัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลชุดต่อไปจะต้องดำเนินนโยบายการคลังและรายได้ที่เข้มงวดเพื่อเปิดโอกาสให้การเงินคล่องตัวขึ้น
ในปี 2553 คาดการณ์ว่า ค่า GDP ของสหภาพยุโรปจะสูงขึ้นร้อยละ 0.7 อันอาจจะช่วยให้การส่งออกของฮังการีดีขึ้นเล็กน้อย
ภาวะเศรษฐกิจฮังการีจะตามหลังแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป 3 เดือน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าภาวะเศรษฐกิจน่าจะซบเซาในครึ่งหลังของปี ค่า GDP สูงขึ้นปานกลางร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาในปี 2552 และ 2553 คาดว่า GDP จะลดลงร้อยละ 6-7 อันเนื่องมาจากภาคเกษตรกรรมและการบริการที่ซบเซา การลงทุนก่อสร้างโดยเงินทุนของ EU จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของฮังการี ที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6 ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3-4 การเพิ่มการส่งออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป และความต้องการภายในประเทศที่ลดลง บริษัททั่วไปและบริษัทเล็กๆ ได้รับผลกระทบจากความต้องการภายในประเทศที่ลดลง และการขาดแคลนแหล่งเงินทุน
ความต้องการภายในประเทศคาดว่าจะสูงขึ้นประมาณ ร้อยละ 1 ในปี 2552 การจ้างงานลดลงน้อยกว่าค่า GDP ในปี 2553 น่าจะเป็นไปได้ว่าการจ้างงานลดลงอีก ร้อยละ 1-2 อัตราการว่างงานโดยเฉลี่ยจะเป็น ร้อยละ 11 ในปี 2553 และจะลดลงเหลือ ร้อยละ 10.5 ตอนสิ้นปีในปี 2553 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเป็น ร้อยละ 3.5 ความต้องการเงินทุนภายนอกจะถูกจำกัดโดยหนี้ที่มีอยู่ การขาดดุลของงบประมาณจะไม่เพิ่มขึ้น
สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์
แหล่งข้อมูล GKI 16 ธันวาคม 2552
ที่มา: http://www.depthai.go.th