เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของเยอรมนี ในปี 2551 มีมูลค่าการผลิต 181,900 ล้านยูโรนับเป็นอันดับที่ 3 รองจากอุตสาหกรรมยานพาหนะและอาหาร ประมาณร้อยละ 45.5 ของผลผลิตจะส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องมือและ อุปกรณ์การแพทย์ แผงวงจรสำหรับเครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน เป็นต้น สินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นแผงวงจร ชิ้นส่วนส่วนประกอบเครื่องมือ เครื่องจักรกลต่างๆ ในปี 2552 ที่ผ่านมานี้ มูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมแขนงนี้ได้ลดลงประมาณร้อยละ 20 เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินในสหรัฐ ทำให้การสั่งซื้อจากต่างประเทศลดน้อยลงมาก สำหรับปี 2553 คาดว่าจะมีการผลิตทั้งสิ้น 150,000 ล้านยูโรหรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4
ไทยส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องอิเลคทรอนิกส์ไปเยอรมนีเป็นมูลค่าโดยเฉลี่ยปีละ 959 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 31 ของการส่งออกทั้งสิ้นไปเยอรมนี โดยเป็นเครื่องอิเลคทรอนิกส์มูลค่า 720.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น แผ่นฮาร์ดดิสค์มีการส่งออกในปี 2552 เป็นมูลค่า 465.2 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 55.7 แผงวงจรไฟฟ้า มูลค่า 57.0 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 6.8 วงจรพิมพ์ มูลค่า 46.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 5.6 สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้ามีการส่งออกมูลค่า 176.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนของเครื่องปรับอากาศ มีการส่งออกในปี 2552 เป็นมูลค่า 39.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 4.7
จากการที่อุตสาหกรรมแขนงนี้ของเยอรมนีจะมีการผลิตเพิ่มขึ้นในปี 2553 ตามความต้องการสั่งซื้อจากต่างประเทศ ทำให้คาดว่า การส่งออกสินค้าของไทยในรายการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า วงจรพิมพ์ เป็นต้น จะเพิ่มขึ้นได้ด้วยแหล่งนำเข้าเครื่องอิเลคทรอนิกส์ที่สำคัญๆ ของเยอรมนี ได้แก่ จีน เนเธอร์แลนด์ และเช็ก มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20, 16 และ 5 ตามลำดับ สินค้าของไทยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 1.2 แหล่งนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญๆ ของเยอรมนี ได้แก่ จีน เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 12.5, 9.6 และ 6.5 ตามลำดับ สินค้าของไทยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 0.53
1. สินค้าส่งออกของไทยในรายการนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตของบริษัทข้ามชาติที่เข้าไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย นโยบายการส่งออกจะขึ้นอยู่กับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้
2. กว่าครึ่งหนึ่งของสินค้าส่งออกจะเป็นแผ่นฮาร์ดดิสค์ ซึ่งประเทศอื่นๆ ในเอเชียมีการผลิตได้มากเช่นกัน
3. ตลาดมีความต้องการสินค้า High Tech ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีความสามารถในการผลิต
4. ราคาวัตถุดิบและชิ้นส่วนต่างๆ มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะประเภท จอ LCD
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th