สถานการณ์นำเข้าข้าวในอิหร่านปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 24, 2010 10:59 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลอิหร่านมอบหมายให้หน่วยงานของอิหร่าน คือ Government Trading Corporation (GTC) เป็นผู้ผูกขาดการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว โดย GTC นำเข้าข้าวสารผ่านระบบประมูลทั้งแบบ G2G และ G2B โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแทรกแซงราคาข้าว ป้องกันปัญหาขาดแคลนข้าวภายในประเทศ ตลอดจนอุดหนุนราคาข้าวแก่ผู้ยากจนในอิหร่าน

ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยขายข้าวให้ GTC แบบ G2G และส่งออกข้าวขาว 100% ชั้น 2 ให้อิหร่านเป็นจำนวนหลายแสนตันต่อปี อย่างไรก็ดี แต่ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา รัฐบาลอิหร่านเปลี่ยนนโยบายจากเดิมให้ GTC ผูกขาดการนำเข้าเป็นสนับสนุนให้ผู้นำเข้าข้าวเอกชนชาวอิหร่านนำเข้าข้าวจากต่างประเทศแทน ส่งผลให้การนำเข้าข้าวจากไทยแบบ G2G หมดไป และผู้นำเข้าอิหร่านเริ่มนำเข้าข้าวบาสมาติกจากอินเดียและปากีสถานเข้าสู่ตลาดอิหร่านมากขึ้น

อิหร่านนำเข้าข้าวเพื่อบริโภคภายในประเทศเฉลี่ยปีละ 1 ล้านตันทุกปี โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2551 หน่วยงาน GTC เป็นผู้ดำเนินการนำเข้าข้าวเองทั้งหมด และในปี 2551 หน่วยงาน GTC เริ่มลดปริมาณการนำเข้าลง ซึ่งในปี 2552 GTC ยกเลิกการนำเข้าโดยสิ้นเชิง และให้ภาคเอกชนอิหร่านเป็นผู้นำเข้าข้าวเองทั้งหมดเป็นปริมาณถึง 1.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 8.13 รายละเอียดดังตาราง 1

ตาราง 1 ปริมาณนำเข้าข้าวพิกัด 10063000 จากทุกประเทศสู่ตลาดอิหร่าน ระหว่างปี 2549-2552
ปี กิโลกรัม เหรียญสหรัฐฯ อัตราการเปลี่ยนแปลง 2549 1,073,291,696 357,128,491 - 2550 1,008,525,638 391,573,551 -6.03% 2551 1,198,367,519 545,216,291 18.82% 2552 1,295,769,236 1,080,044,343 8.13% แหล่งข้อมูล: กรมศุลกากรอิหร่าน

จากข้อมูลสถิติของกรมศุลกากรอิหร่าน หลังจากที่ GTC ยกเลิกการนำเข้าข้าวแบบ G2G อิหร่านก็นำเข้าข้าวจากไทยลดลงตามลำดับ โดยในปี 2552 อิหร่านนำเข้าข้าวจากไทยเพียง 2,711,125 กิโลกรัม เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,234,995 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น ดังแสดงในตาราง 2

ในปี 2552 อิหร่านนำเข้าข้าวสารจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นปริมาณสูงที่สุดคือ 567,792,173 กิโลกรัม รองลงมาได้แก่ประเทศปากีสถานเป็นปริมาณ 363,385,493 กิโลกรัม และอินเดีย เป็นปริมาณ 265,728,593 กิโลกรัม โดยแต่ละประเทศมีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าข้าวในอิหร่านร้อยละ 44 ร้อยละ 28 และร้อยละ 20 ตามลำดับ ดังแสดงในตารางที่ 3

ตาราง 2 ปริมาณนำเข้าข้าวพิกัด 10063000 จากไทยเข้าสู่ตลาดอิหร่าน ระหว่างปี 2549-2552
ปี ปริมาณ (กิโลกรัม) มูลค่า (เหรียญสหรัฐฯ) 2549 494,825,600 165,723,713 2550 586,300,000 240,852,849 2551 158,724,301 86,338,759 2552 2,711,125 1,234,995 แหล่งข้อมูล: กรมศุลกากรอิหร่าน
ตาราง 3 ปริมาณนำเข้าข้าวพิกัด 10063000 จากทุกประเทศสู่ตลาดอิหร่าน ในปี 2552
ลำดับที่ ประเทศ ปริมาณนำเข้า (กิโลกรัม) มูลค่า (เหรียญสหรัฐฯ) ส่วนแบ่งตลาด 1 UAE 567,792,173 487,119,409 43.819% 2 Pakistan 363,385,493 282,561,849 28.044% 3 India 265,728,593 233,451,969 20.507% 4 Austria 32,004,000 23,204,031 2.470% 5 Switzerland 31,473,550 28,603,095 2.429% 6 Viet Nam 30,860,000 22,361,159 2.382% 7 Thailand 2,711,125 1,234,995 0.209% 8 Bahrain 874,000 819,872 0.067% 9 USA 243,194 171,612 0.019% 10 Ozbekistan 153,252 135,535 0.012% 11 Andorra 137,800 119,059 0.011% 12 Hondoros 124,257 106,772 0.010% 13 Argentina 100,000 60,059 0.008% 14 Turkey 74,200 30,750 0.006% 15 Qatar 47,600 40,460 0.004% 16 Singapore 25,000 5,794 0.002% 17 Chabahar FTZ 14,000 4,703 0.001% 18 Iraq 11,000 5,181 0.001% 19 Afghanistan 10,000 8,040 0.001% Total 1,295,769,236 1,080,044,343 แหล่งข้อมูล: กรมศุลกากรอิหร่าน
อุปสรรคการเปิดตลาดข้าวไทยในอิหร่าน

1. ผู้บริโภคอิหร่านยังไม่นิยมบริโภคข้าวหอมมะลิไทย แม้ว่าชาวอิหร่านมีพฤติกรรมบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับคนไทย แต่อย่างไรก็ดี ข้าวหอมที่ชาวอิหร่านนิยมบริโภค เป็นข้าวชนิดที่หุงแล้วแห้งร่วน ไม่เกาะกันเป็นก้อน ซึ่งมีเฉพาะในข้าวหอมอิหร่าน และข้าวบาสมาติกของอินเดีย ทำให้ข้าวไทยไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ดังนั้น การที่จะขยายตลาดข้าวหอมมะลิในอิหร่านได้ จำเป็นต้องค้นคิดและเผยแพร่วิธีการหุงข้าวหอมมะลิให้ร่วนและไม่เกาะกันเป็นก้อนตามความนิยมของชาวอิหร่าน และต้องปรับพฤติกรรมผู้บริโภคอิหร่านให้หันมาบริโภคข้าวหอมมะลิไทย โดยการโฆษณาเผยแพร่ความรู้ เรื่องคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทย และค้นคิดวิธีการหุงข้าวหอมมะลิไทยให้ถูกปากประชาชนอิหร่าน จะช่วยให้ ชาวอิหร่านปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อข้าวหอมมะลิไทยและหันมาบริโภคข้าวหอมมะลิไทย เพื่อผลักดันให้ไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปตลาดอิหร่านมากขึ้น

2. ปัญหาการโอนเงินระหว่างประเทศ สืบเนื่องจากสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว (Unilateral sanction) ต่ออิหร่าน โดยใช้มาตรการให้ธนาคาร/สถาบันการเงินทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ให้ยุติการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่าน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยปฏิเสธรับ L/C และระงับการทำธุรกรรมกับอิหร่านโดยสิ้นเชิง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าข้อมติต่างๆ ของ UNSC เนื่องจากการส่งออกสินค้าของไทยมิได้เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด ทั้งนี้ธนาคารไทยเข้าใจว่าหากดำเนินธุรกรรมกับอิหร่านแล้ว จะถูกรัฐบาลสหรัฐฯ เพ่งเล็งและสั่งมิให้ดำเนินธุรกรรมกับธนาคารของสหรัฐฯ ทำให้ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถรับเงินค่าชำระสินค้าจากผู้นำเข้าอิหร่านได้ ส่งผลให้การส่งออกข้าวไทยไปตลาดอิหร่านชะงักงัน ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย ปากีสถาน และ สหรัฐอาหรับเอ-มิเรตส์ สามารถสร้างช่องทางธนาคารเพื่อดำเนินธุรกรรมได้ จึงสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว

สคร ณ กรุงเตหะราน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ