นับตั้งแต่ปี 1950 อิตาลี จากการที่อิตาลีประสบภาวะเศรษฐกิจหลังสงความโลกครั้งที่สองอย่างหนัก จึงได้พัฒนาระบบเศรษฐกิจของตนจากการพึ่งพิงภาคเกษตรกรรมเป็นหลักมาสู่ภาคอุตสาหกรรม และตั้งแต่ปี 1960 ได้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีประประชากรเพียงร้อยละ 7 อยู่ในภาคเกษตรกรรมเท่านั้น และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ ซึ่งมีฐานะยากจนกว่าภาคเหนือและภาคกลาง
ปัจจุบันอิตาลีจัดเป็นประเทศอุตสาหกรรมซึ่งมีขนาดใหญ่ลำดับต้นๆ ของโลก ประกอบด้วยแคว้นการปกครอง 20 แคว้น ทั้งนี้ เขตอุตสาหกรรมและธุรกิจสาคัญส่วนใหญ่ จะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งถือเป็นผู้กุมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของอิตาลี เป็นเขตที่เป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจสาคัญของอิตาลีมี GDP รวมกันเกือบร้อยละ 70 ของทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคว้นลอมบาร์ดีที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม การเงิน การค้าการ ลงทุน ศูนย์กลางแฟชั่น ศูนย์กลางงานแสดงสินค้าที่สาคัญ เป็นที่ตั้งของสถานกงศุลต่างๆมาก เป็นอันดับสอง รองจากนิวยอร์ค สานักงานใหญ่ของบริษัทขนาดใหญ่ ของอิตาลีส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในแคว้นดังกล่าว
อิตาลีเป็นเมืองท่าสาคัญและเป็นเสมือนประตูสู่สหภาพยุโรปและอัฟริกา มีท่าเรือสินค้าทันสมัยขนาด ใหญ่ 27 แห่ง (ท่าเรือที่เป็นท่า RE-EXPORT สินค้าที่สาคัญได้แก่ ท่าเรือเมือง TRIESTE / NAPLE / GENOA) สนามบินหลัก 5 แห่ง (Linate, Malpensa, MarcoPolo, Fiumicino และ Ciampino) เป็นศูนย์ กลางทางการค้า การลงทุน (อิตาลีลงทุนในต่างประเทศในปี 2007 คิดเป็น 103.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) โดยเฉพาะในเขตตอนเหนือของประเทศที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่/สถาบันการเงิน/ การศึกษา/องค์กรของรัฐบาลต่างๆ/ฯลฯ มีการกระจุกตัวอยู่ทางตอนเหนือทั้งสิ้น
ขนาดของตลาด ประชากร ณ ปัจจุบันมีประมาณ 60 ล้านคน มีกาลังซื้อค่อนข้างสูง โดยรายได้ ประชาชาติ/ปี/คน ประมาณ 30,000 ยูโร
ปี 2010 คาดการณ์ GDP ของอิตาลีว่าจะมีอัตราดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า เป็นร้อยละ -4.9%(จากเดิม -5.9%) และจากการคาดการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นอีกในปี 2011 เป็นร้อยละ 1.0% โดย The Institute for Studies and Economic Analyses คาดการณ์ไว้ว่าปี 2011 เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในช่วงไตรมาส 1 และจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาส 2 โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เศรษฐกิจอิตาลีกลับมาฟื้นตัว ได้แก่
- การกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจโลก (โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม)
- ความต้องการสินค้าของตลาดในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าจำนวนคนว่างงานยังคงเพิ่มขึ้น
- การกลับมาฟื้นตัวด้านการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ GDP ของอิตาลี จาแนกได้ดังนี้
ภาคธุรกิจ สัดส่วน หมายเหตุ ภาคธุรกิจบริการ 65.8% ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม 31.6% อุตสาหกรรมสาคัญได้แก่ เครื่องจักร อาหารแปรรูป เหล็กและเหล็กกล้า เคมี สิ่งทอ/เสื้อผ้า ยานยนต์ รองเท้า/เครื่องหนัง เซรามิค เป็นต้น ภาคเกษตรกรรม 2.6%
อิตาลี มีจุดแข็งในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งมีการพัฒนามายาวนาน โดยเริ่มจากการดาเนินธุรกิจแบบพึ่งพาตนเองในอดีต และพัฒนามาเป็นรูปแบบของ SMEs โดยมีการจัดกลุ่มธุรกิจเป็น Cluster โดยผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ
อิตาลีมีสานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 2 แห่ง คือ สคร.โรม และ สคร.มิลาน โดย สคร.มิลานมีเขตรับผิดชอบทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี รวมพื้นที่ 8 แคว้น ซึ่งมีประชากรร้อยละ 47 ของประชากรทั้งประเทศ โดยแบ่งเป็นแคว้น Lombardy,Valle D’Aosta,Veneto, Piemonte, Trentino alto-adige, Liguria,Friuli-Venezia Giulia และ Emilia-Romagna โดยแต่ละแคว้นก็จะมีลักษณะ เด่นเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นลักษณะพื้นที่ (View panorama) อาหาร และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เป็นเสน่ห์ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในแต่ละแคว้นยังมีชื่อเสียงในการเป็นเขตอุตสาหกรรม (Industrial Clusters) และเกษตรกรรมสาคัญของประเทศอีกด้วย
ข้อมูลทั่วไป
เป็นแคว้นใหญ่อันดับ 4 ของอิตาลีจัดเป็นแคว้นที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดในอิตาลี มี GDP คิดเป็นร้อยละ 21 ของอิตาลี แคว้นลอมบาร์เดียเป็นแคว้นที่มีความสาคัญในด้านของความหลากหลายและความหนาแน่นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า อุตสาหกรรม รายได้ การศึกษา การบริโภค การเงินและการลงทุน ทาให้ประชากร เมืองมิลานมีฐานะความเป็นอยู่ค่อนข้างมั่งคั่ง และมีรายได้เฉลี่ยสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในอิตาลี
ที่ตั้งและประชากร
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี เขตแดนทางตอนเหนือติดกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีพื้นที่รวม 23,865 ตารางกิโลเมตร ประชากร 9.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.3 ของประชากรทั้งหมดของอิตาลี จานวนดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติประมาณ 9 แสนคน ประชากรหนาแน่น 411 คนต่อตารางเมตร นับเป็นแคว้นที่มีประชากรมากที่สุด ประกอบด้วย 12 เมือง ได้แก่ Bergamo, Brescia, Como, Cremona, Lecco, Lodi, Mantova, Monza e Brianza, Pavia, Sondrio, Varese, Milan
ลอมบาร์เดียเป็นแคว้นที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่สุดของอิตาลี มี GDP เท่ากับ 33,900 ยูโร มากกว่าอิตาลีที่มี 26,000 ยูโร ยังเป็นแคว้นที่มีการใช้จ่ายต่อเดือนที่สูงที่สุดในอิตาลี
ลอมบาร์เดียเป็นแคว้นที่มีคนตกงานน้อยที่สุดของอิตาลี คนตกงานมีร้อยละ 4.2 ขณะที่อัตราเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 9.4 และมีคนที่อยู่ในวัยทางานประมาณ 4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18 ของแรงงานอิตาลี(69% อยู่ในภาคบริการ 29% อยู่ในภาคอุตสาหกรรม และ 2% ในภาคเกษตรกรรม) มีบริษัทจดทะเบียนการค้ารวมทั้งหมดจานวน 830,000 บริษัท
อุตสาหกรรมที่สาคัญของแคว้นลอมบาร์เดียคือ เครื่องจักรกล อิเลคโทรนิคส์ อุตสาหกรรมการบิน เคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมแฟชั่น ธุรกิจการออกแบบ และอุตสาหกรรม เกี่ยวเนื่องกับแฟชั่น เป็นศูนย์กลางการผลิต
GDP/head 33,900 ยูโร (มากกว่าอิตาลีที่มี 26,000 ยูโร) Unemployed rate 4.2% (อิตาลีเฉลี่ย 9.4%) เครือข่ายการคมนาคม เครือข่ายรถไฟประมาณ 1,875 กิโลเมตร ถนน/ถนนวงแหวนและทางด่วนประมาณ 70,000 กิโลเมตร
สนามบิน 4 แห่ง(Malpensa, Linate, Orio al Serio, Montichiari) มีเที่ยวบินประมาณ 313,000 เที่ยว/ปี
ผู้โดยสารกว่า 30 ล้านคน/ปี และใช้ขนถ่ายสินค้าและไปรษณีย์กว่า 3 พันล้านกิโลกรัม/ปี
อุตสาหกรรมที่สาคัญ เครื่องจักรกล อิเลคโทรนิคส์ อุตสาหกรรมการบิน เคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมแฟชั่น ธุรกิจการออกแบบ เมือง Cluster สาคัญ ศูนย์กลางการผลิตเฟอร์นิเจอร์ (เมือง Brianza) ในแคว้นลอมบาร์เดีย ผ้าไหมชั้นดี (เมือง Como)
รองเท้า (เมือง Pavia)
Rubber/plastic (เมือง Sebina) Accessories สาหรับเสื้อผ้า (เมือง Bergamo)
ถุงเท้า (เมือง Mantova,Brescia,Cremona)
ศูนย์กลางด้านการออกแบบอุตสาหกรรมแฟชั่น (เมืองมิลาน)
ผ้าผืนสำหรับเฟอร์นิเจอร์ (เมือง Lecco)
เครื่องจักรกล (เมือง Lecco) ที่มา www.osservatoriodistretti.org
มิลาน เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียจัดเป็นเมืองที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ มี GDP เท่ากับ 30,629 ยูโร/ปี ซึ่งสูงกว่าเมืองอื่นๆในอิตาลี คิดเป็นร้อยละ 10 ของ GDP อิตาลี เมืองมิลานมีบริษัทจดทะเบียนการค้าจานวนประมาณ 409,000 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 49.2 ของแคว้น Lombardia และคิดเป็นร้อยละ 8.5 ของบริษัททั้งหมดในอิตาลี สิ่งที่ผลักดันให้การค้าเมืองมิลาน มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ และมีการติดต่อหมุนเวียนเงินจากต่างประเทศค่อนข้างสูง ได้แก่ งานแสดงสินค้า การจัดการประชุม/สัมมนา นิทรรศการ กิจกรรมด้านแฟชั่น เป็นจุดนัดหมายและสั่งซื้อสินค้าที่สาคัญของนักธุรกิจจากทุกหนแห่งทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมิลานยังเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นอิตาลี ซึ่งครอบคลุมเงินทุนร้อยละ 90 ของอิตาลี
ในปี 2015 เมืองมิลานถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2015 โดยใช้คาขวัญว่า Feeding The Planet, Energy for life อาหาร พลังงาน โลก และชีวิต โดยธีมของงานเป็นการประชาสัมพันธ์ความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรมและนวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งประกอบด้วย
1. ทดลองความปลอดภัย การป้องกันและคุณภาพของอาหาร
2. นวัตกรรมของห่วงลูกโซ่อาหาร
3. เทคโนโลยีเพื่อใช้ในภาคเกษตรกรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ
4. ให้ความรู้ทางด้านคุณค่าทางอาหาร
5. การร่วมมือและการบริหารในภาคอาหาร
6. อาหารกับการเปลี่ยนแปลงการดารงชีวิตที่ดีขึ้น
7. วัฒนธรรมทางด้านอาหารโลกและกลุ่มชนชาติ/เผ่าพันธ์
ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สาคัญของอิตาลี และจัดเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลี การเป็นเจ้าภาพงาน Expo Milano 2015 ถือเป็นโอกาสสาคัญในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ด้านการผลิต การเกษตร บริษัทที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอาหาร ช่องทางการขนส่งและการจัดส่ง โดยงาน Expo Milano 2015 จะจัดขึ้น ณ บริเวณอาเภอ Rho-Pero ณ เมืองมิลานระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม 2015
ด้านเศรษฐกิจ แคว้นลอมบาร์เดีย เป็นศูนย์รวมของการผลิตทางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนัก ได้แก่เครื่องจักรกล โลหะภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ทางอิเล็กทรอนิค อุปกรณ์/เครื่องมือ/ส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและอิเล็กทรอนิคต่างๆ เคมีภัณฑ์ พลาสติก ยาง ใยสังเคราะห์ ยา และการบิน (aerospace) นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยอุตสาหกรรมขนาดย่อมกึ่งหัตถกรรมมากมาย ที่มีการผลิตสินค้าที่มีเอกลักษณ์ เฉพาะพื้นที่ เช่น เมืองศูนย์กลางการผลิตเฟอร์นิเจอร์ อยู่ในพื้นที่เมือง Brianza ผ้าไหมชั้นดีที่เมืองโคโม รองเท้าที่เมือง Vigevano ถุงเท้าที่เมือง Mantova และศูนย์กลางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวโยงกับการออกแบบและแฟชั่นที่เมืองมิลาน โดยเฉพาะชื่อเสียงด้านแฟชั่นผ้าผืน เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง กระเป๋าและรองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 70 เป็นต้นมา ภาคการผลิตทางอุตสาหกรรมค่อยๆ ลดลง โดยมีการเคลื่อนตัวออกสู่เขตอุตสาหกรรมตามพื้นที่ที่เหมาะสม และรวมตัวกันเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (Cluster) อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนในเมืองเอง งานในภาคบริการเข้ามาแทนที่มากขึ้น โดยเฉพาะ งานบริการคุณภาพสูง ที่ต้องใช้ความรู้ความชานาญเฉพาะด้านเป็นส่วนใหญ่ เช่น งานที่ปรึกษาทางการค้า (Consultant) การออกแบบ การบริหารและจัดการ เป็นต้น และมีการพัฒนาตัวเทียบเคียงอย่างใกล้ชิด กับภาคการผลิตมาตลอด จึงทาให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจดาเนินไปในแนวทางเดียวกัน
ระหว่างทศวรรษที่ 90 เกิดวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีการผลิตสินค้าบางประเภท ได้แก่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ แบ่งออกเป็น ภาคบริการร้อยละ 69 ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 29 ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมหนักที่อาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง/ก้าวหน้า และภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 2 คนทางานน้อย ผลผลิตสูง มีการใช้งานเครื่องจักรกลแทนแรงงานคนสูง
แคว้นลอมบาร์เดียนาเข้าเป็นมูลค่า 127,159 ล้านยูโร คิดเป็นร้อยละ 36.5 ของการนาเข้าของอิตาลี และส่งออกคิดเป็นมูลค่า 93,012 ล้านยูโร คิดเป็นร้อยละ 28.4 ของการส่งออกอิตาลี
สินค้าส่งออก ได้แก่ เครื่องจักรทางอิเล็กทรอนิค (Electric machinery) รองลงมาได้แก่ โลหะภัณฑ์ (Metal products)
ศูนย์แสดงสินค้าเมืองมิลาน (www.fieramilano.it) จัดว่าใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป รองจากของเมืองแฟรงเฟิร์ตและปารีส มีพื้นที่ประมาณ 405,000 ตร.ม. บางปีสามารถขายพื้นที่งาน ได้มากตารางเมตรที่สุดในยุโรป พื้นที่เฉลี่ยที่ขายได้ประมาณ 1.7 ล้านตรม./ปี นับเป็นสถานที่จัดกิจกรรม ทางการค้าที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านขนาดและการความพร้อมในด้านการให้บริการต่างๆ มีการจัดงานแสดงสินค้ากว่า 80 งาน/ปี กว่าครึ่งเป็น International Trade Fair มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า (Exhibitor) ประมาณ 33,500 ราย/ปี ร้อยละ 18 เป็นบริษัทต่างประเทศ และสามารถดึงดูดผู้ชมงาน (Visitor) ได้กว่า 4.7 ล้านคน/ปี นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสถานที่จัดประชุม/สัมมนา นิทรรศการ เดินแฟชั่น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ปัจจุบัน
นักลงทุนเมืองมิลานถือหุ้นในบริษัทต่างประเทศในอิตาลีร้อยละ 22 ซึ่งมีจานวนคนทางาน ประมาณ 132,000 คน และมีรายได้ 25 พันล้านยูโร/ปี ร้อยละ 47 เป็นการลงทุนในยุโรป ส่วนการถือหุ้นของบริษัท ต่างประเทศในบริษัทอิตาลี ร้อยละ 30 รวมตัวอยู่ที่เมืองมิลาน จานวนคนทางาน 209,000 คน และมีรายได้ 55 พันล้านยูโร/ปี ผู้ถือหุ้นร้อยละ 67 เป็นชาวยุโรป และร้อยละ 27 จากอเมริกาเหนือ
บริษัทต่างชาติขนาดใหญ่สุด 20 บริษัท ที่มาลงทุนในอิตาลี จานวน 11 รายมีสานักงานใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองมิลาน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทต่างชาติอีกกว่า 350 บริษัท ที่มาเปิดกิจการด้าน ซอฟแวร์ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ และบริษัทที่ปรึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้ เมืองมิลาน ยังเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นอีกด้วย ซึ่งครอบคลุมเงินทุนร้อยละ 90 ของอิตาลี ประกอบด้วย Stock brocker 9,700 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 13 ของทั้งประเทศ
Trentino Alto-Adige เป็นแคว้นปกครองตนเอง (Autonomous regions) หนึ่งใน 5 แคว้นของอิตาลี แบ่งเป็น 2 เมืองหลักได้แก่ Trento และ Bolzano ร้อยละ 75 ของเมืองตั้งอยู่บนภูเขาและหุบเขาสูง และร้อยละ 50 ของพี้นที่ประกอบไปด้วยป่าหนา มีความสาคัญด้านการท่องเที่ยว เป็นแหล่งผลิตไวน์ ผลไม้ dairy products ไม้ซุง นอกจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว แคว้น Trentino Alto-Adige ยังมีชื่อเสียงในการส่งออกพลังงานไฟฟ้าจากน้า(HydroElectricity) ที่แคว้นสามารถผลิตได้พอเพียงสาหรับแคว้นและมากพอสาหรับการส่งออก และอุตสาหกรรมผลิตหินแปรรูป
ที่ตั้ง ตอนเหนือ ทางทิศตะวันออก มีเขตแดนติดกับประเทศออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์ และ แคว้นลอมบาร์เดีย/เวเนโต้ พื้นที่ 13,607 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง Trento (106,200 คน) ประชากร 1,017,246 คน (ความหนาแน่น 74.8 คน/ตร.กม.-2008) ภาษา อิตาเลียน(60%) เยอรมัน(35%) ลาดิน(3%) ต่างชาติ 6.9% รายได้ต่อหัว 31,152 ยูโร/หัว/ปี (2008) อุตสาหกรรมที่สาคัญ อุตสาหกรรมผ้าผืน เครื่องจักรกล กระดาษ พลังงานไฟฟ้าจากน้า และการท่องเที่ยว เมือง Cluster สาคัญ อุตสาหกรรมแปรรูปหิน (เมือง Albiano) แหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังน้า www.regione.taa.it www.osservatoriodistretti.org
เนื่องจากแคว้น Trentino Alto-Adige มีสภาพภูมิประเทศและบรรยากาศที่เหมาะสมกับ การท่องเที่ยว เต็มไปด้วยภูเขาสูงและแคว้นฯ ยังมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (Agriturismo) จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล ทั้งนี้ ปริมาณนักท่องเที่ยวต่อปี มีประมาณ 42 ล้านคน (สัดส่วน 11.2%) เป็นที่สองรองจากแคว้นเวเนโต้ซึ่งมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยว ร้อยละ 16.3% และถือเป็นรายได้หลักของแคว้น
ที่ตั้ง ทางตอนเหนือตะวันตก พื้นที่ 25,399 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง ตูริน ประชากร (ปี 2008) 4,432,571 คน อุตสาหกรรมที่สาคัญ อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เมือง Cluster สำคัญ
อุตสาหกรรมสิ่งทอ-เครื่องแต่งกาย (เมือง Biella และ Vercelli) ผลิตขนสัตว์ และเครื่องแต่งกายสำหรับสุภาพบุรษและสุภาพสตรี
อุตสาหกรรมเครื่องกล-อิเล็กทรอนิกส์ (เมือง Canavese) ผลิตสินค้าในรูปแบบโลหะและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไฟฟ้า
อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เมือง Cuneo, Asti e Alessandria) ผลิตภัณฑ์ไวท์
อุตสาหกรรมก๊อกน้า (เมือง Cusio-Valsesia) อุตสาหกรรมช่างทอง (เมือง Valenza)
แคว้นปีเอมอนเต เป็นแคว้นที่มีชื่อเสียงมายาวนานด้านอุตสาหกรรมสมัยเก่า ซึ่งมีจานวนชาวต่างชาติอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มมากขึ้นเพื่อการจ้างงานในการทางานในโรงงาน โดยอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสาคัญในแคว้นฯ และมีชื่อเสียง คืออุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะที่เมืองตูริน ซึ่งเป้นที่ตั้งของบริษัท FIAT ด้วย ส่งผลให้เมืองตูรินได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจากปี 1945
แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อปลายปี 2008 ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก มีการปิดตัวของโรงงานหลายแห่ง คนว่างงานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตลาดโลกเกิดการหยุดชะงักในการบริโภครถยนต์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิตาลีได้ออกตรการกระตุ้นการซื้อรถใหม่ จึงทาให้การลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ในปี 2010 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8
ปัจจุบันแคว้นปีเอมอนเตได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาสภาพเศรษฐกิจ/สิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น สามารถแบ่งได้ดังนี้
1. แคว้นปีเอมอนเตได้ร่วมมือกับบริษัท Rockwood Italia ในการสารวจทดลองวัตถุดิบจากสารลิเทียม เพื่อใช้ในการผลิตแบเตอรรี่สาหรับรถยนต์ที่ใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างเติมที
2. แคว้นปีเอมอนเตได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือบริษัทขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งเป็นแผนในระยะเวลาสั้น-กลาง โดยสนับสนุนให้มีบริษัทผลิตพลังงานจากแหล่งธรรมชาติและให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างสูงสุด การผลิตพลังงานจากแหล่งธรรมชาติ แบ่งได้ดังนี้
- กังหังลม
- Solar Panel
- ความร้อนจากใต้พื้นดิน
- การก่อสร้างอาคารโดยคานึงถึงสภาพแวดล้อม
สำหรับแผนในระยะยาว ทางแคว้นปีเอมอนเตจะมุ่งเน้นลงทุนในการทาวิจัย/สารวจและการพัฒนาเทคโนโลยี
3. แคว้นปีเอมอนเตได้ร่วมมือกับบริษัท Enel Green Power ในการพัฒนาและบริหารการผลิตพลังงานจากแหล่งธรรมชาติ โดยมีการวางแผนติดตั้งเครื่องมือเพื่อใช้ในการผลิตพลังงานจากแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ ในเมืองตูริน บนเนื้อที่กว่า 600,000 ตารางเมตร
ที่ตั้ง ทางตอนเหนือตะวันตก พื้นที่ 5,421 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง เจนัว ประชากร (ปี 2008) 1,615,064 คน อุตสาหกรรมที่สาคัญ อุตสาหกรรมเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมือง Cluster สำคัญ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางทะเล (เมือง Spezia) ผลิตเรือ เครื่องจักรกล-อุปกรณ์สาหรับเรือ
ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบไปทั่วทุกแคว้นในอิตาลี รวมถึงแคว้นลีกูเรียซึ่งถือเป็นแคว้นที่มีท่าเรือที่สาคัญในอิตาลีแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเจนัว พบว่าจานวนเรือที่เข้ามาจอดมีจานวนน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม แคว้นลีกูเรียได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกไม่มากนักเปรียบเทียบกับแคว้นอื่นๆ ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่ที่ใช้กระบวนการผลิตที่ทันสมัยล้าหน้า ก็ยังเดินหน้าบริหารงานต่อไป โดยมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2009 ในทางตรงกันข้าม บริษัทขนาดเล็กได้รับผลกระทบอย่างมาก ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมพลาสติกและสารเคมี นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างก็ยังมีการขยายตัวไม่มากนัก
เมืองเจนัว ตั้งอยู่ทางฝั่งทะเล mar ligure ในอ่าวเจนัว มีท่าเรือที่คึกคักอีกท่าหนึ่งของอิตาลี มีเรือขนส่งสินค้าผ่านต่อปีมากมายและเพิ่มขึ้นทุกปี มีพื้นที่กว่า 7 ล้าน ต.ร.ม.ความยาว 20 กิโลเมตรเลียบชายฝั่งทะเล ประกอบด้วย 13 Terminals โดยมีสิ่งอานวยความสะดวกครบวงจรภายในพื้นที่ท่าเรือและมีเส้นทางเชื่อมทั้งทางเครื่องบิน รถไฟ และถนนไฮเวย์
ในปี 2008 มีการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือเจนัวมากถึง 5,663,000 ตัน (-5.1%) สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าปิโตรเลียมและเพื่ออุตสาหกรรมหนัก เช่น น้ามันดิบ ถ่านหิน โลหะและแร่ต่างๆ ตลอดจนสารเคมีเพื่ออุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณสินค้าที่ขนถ่ายผ่านท่านี้ นอกจากนั้นสินค้าจาพวก commercial ได้แก่ เครื่องหนัง ผ้าผืน เสื้อผ้า ยานยนต์ อาหาร ผักและผลไม้ และ ธัญญพืช ฯลฯ มีมูลค่ารองลงมา สินค้าต่างๆ ขนถ่ายมาจากทุกทวีปทั่วโลก โดยเฉพาะทวีปเอเซีย ทวีปอเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ
ที่ตั้ง ทางเหนือตอนบน พื้นที่ 3,263 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง อาออสตา ประชากร (2008) 127,585 คน อุตสาหกรรมที่สาคัญ 1. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ (1,602 บริษัท)
2. อุตสาหกรรมเกษตรกรรม (1,964 บริษัท)
3. อุตสาหกรรมก่อสร้าง (2,850 บริษัท) ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ มูลค่า 4,280 ล้านยูโร +1.97% มาจากการบริการต่าง ๆ 73.6%
(2008) ภาคอุตสาหกรรม 25% และภาคเกษตรกรรม 1.4% การบริโภค (2008) 2,679 ล้านยูโร -1.3% การลงทุน 1,037 ล้านยูโร ตลาดแรงงาน (คาดการณ์ 2009) +0.3% การจ้างงาน (คาดการณ์ 2009) -0.9% การว่างงาน (คาดการณ์ 2009 4.4% ภาคอุตสาหกรรมเกษตรกรรม 1.การผลิตภาคเกษตรกรรม 62% มาจากการผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหารที่เกี่ยวข้อง
2. การเก็บเกี่ยว 14%
3. แรงงานต่าง ๆ 24%
ภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างต่าง ๆ 47% ภาคบริการ 1.การท่องเที่ยวและการค้า 22%
2.แรงงาน การให้บริการ 30% ที่มา: สานักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี (TATSI)
แคว้นวัลเลดอสเต เป็นแคว้นที่ปกครองตนเอง โดยเศรษฐกิจของแคว้นฯ จะขึ้นอยู่กับภาคอุตสหากรรมการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ อันเนื่องจากแคว้นฯ มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงาม เงียบสงบ เต็มไปด้วยภูเขาสาคัญล้อมรอบ ได้แก่ Monte Bianco, Monte Rosa และ Mattehorn เป็นต้น โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจานวนมากเดินทางไปเยี่ยมชมและเล่นสกี เพราะมีภูเขายอดสูงและเหมาะสม สาหรับสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ได้แก่ Courmanyeru และ Cervinia
นอกจากนี้ ทางแคว้นฯได้ให้การสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยส่งเสริมให้หันมาใช้พลังงานจากแหล่งธรรมชาติ ได้แก่ การติดตั้ง Solar Panel
แคว้น Friuli-Venezia Giulia เป็นอีกหนึ่งใน 5 แคว้นปกครองตนเอง (Autonomous region)ของอิตาลี ประกอบไปด้วย 4 เมืองหลักได้แก่ Gorizia , Pordenone , Trieste และ Udine มีเขตแดนติดกับประเทศออสเตรีย สโลเวเนีย และแคว้นเวนโต้ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง(42.6%)
ที่ตั้ง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี พื้นที่ 7,845 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง Trieste ประชากร 1,233,815 คน (2009) ความหนาแน่น 157 คน/ตร.กม. ภาษา อิตาเลียน(53.5%) Friulano(43%) สโลเวโน(4.7%) เยอรมัน(0.4%) ต่างชาติ 95,000 คน (7.7% ของประชากรในแคว้น) อุตสาหกรรมที่สาคัญ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร ท่องเที่ยว และไวน์ เมือง Cluster สำคัญ มีดเหล็ก (เมือง Maniago)ฃ
Agro-alimentary เช่น ไวน์/Grappa ,ข้าวโพด,น้าตาล (เมือง Udine)
เก้าอี้ (เมือง Udine) ชิ้นส่วนเครื่องจักร (เมือง Pordenone)
เฟอร์นิเจอร์ (เมือง Brugnera)
กาแฟ (เมือง Trieste ) www.osservatoriodistretti.org www.regione.fvg.it
เมือง Trieste มีท่าเรือที่สาคัญอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี ตั้งอยู่ด้านฝั่งทะเล Adriatic อยู่ในอ่าวเวนิส ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญที่สุด ในการขนถ่ายต่อโดยทางรถไฟของเขตยุโรปใต้ เพราะมีเส้นทางการเดินรถไฟที่สะดวกและทั่วถึง นอกจากนี้ถนนสาย A4 จากเมือง Trieste ไปสู่เขตทางตอนเหนือยังเป็นถนนที่มีการขนส่งหนาแน่นมากเป็นพิเศษ สามารถเข้าถึงเมือง Milan, Vienna, Munich, Stuttgart, Budapest, Prague, Zurich and Basle ได้เพียงไม่เกิน 500 กิโลเมตร
ท่าเรือเมือง Trieste มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 2,304,000 ตารางเมตร ปี 2009 รองรับการขนถ่ายสินค้าได้มากถึง 44,393,322 ตันหรือ 276,957 คอนเทนเนอร์ (ลดลงจากปี 2008 ร้อยละ 8 เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ) อย่างไรก็ตาม ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2010 มีการขนถ่ายสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่วนใหญ่เข้ามาจากประเทศแถบเอเซีย ออสเตรเลีย ประเทศแถบตะวันออกกลาง และในยุโรปเองได้แก่ ตุรกี บูกาเรีย โรมาเนีย และยุโรปตะวันออก
ประกอบไปด้วยเมืองหลัก 7 เมืองได้แก่ Belluno, Padova, Rovigo, Treviso, Venezia, Verona และ Vicenza ทางตอนเหนือติดกับแคว้น Trentino alto-adige และประเทศออสเตรีย ตอนใต้ติดกับแคว้น Emilia Romagna ทิศตะวันตกติดกับแคว้น Lombardia ทิศตะวันออกติดกับแคว้น Friuli-Venezia Giulia
ที่ตั้ง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี พื้นที่ 18,391 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง เวนิส ประชากร 4,910,170 คน (ความหนาแน่น 266 คน/ตร.กม.-2009) อุตสาหกรรมที่สำคัญ ท่องเที่ยว และ เครื่องประดับทองคา/เงิน เฟอร์นิเจอร์ เมือง Cluster สำคัญ เครื่องประดับทองคา/เงิน (เมืองวิเชนซ่า)
ท่องเที่ยว (เมืองเวนิส)
เฟอร์นิเจอร์ใม้ (เมืองเวนิส) www.osservatoriodistretti.org , www.regione.veneto.it , http://www.distrettidelveneto.it/
เมืองเวนิส ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ร่ำรวย อันเนื่องจากมีเงินหมุนเข้าออกอย่างมากจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (รองจากโรม) การขนส่ง (ที่เมือง Mestre และ Porto Marghera ( การบริการ การค้า และอุตสาหกรรมการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของเวนิสมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากเวนิสมีลักษณะเป็นเกาะเล็กๆ ซึ่งแยกตัวออกมาจากชายฝั่ง Mestre และ Marghera โดยภายในเมืองเวนิสจะไม่มีการใช้รถยนต์แต่จะใช้เรือสาธารณะ หรือเรือ Gondola หรือการเดินแทน จึงทาให้เป็นจุดดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาเยี่ยมชมเวนิสในช่วงต่างๆ ได้แก่ ช่วงเทศกาลคาลนิเวลเวนิส (ในเดือนกุมภ่พันธ์) เทศการภาพยนต์ (กันยายน) เทศการงานศิลปะ Biennale (มิถุนายน-สิงหาคม) เป็นต้น
นอกจากนี้ ห่างจากเกาะเวนิสออกมายังมีเกาะชื่อ Murano ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในการผลิตแก้วเผามาอย่างยาวนาน และเกาะ Burano มีชื่อเสียงในเรื่องผ้าปักชะลุ
เวนิสเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมจานวนมากทุก ๆ ปี ส่งผลให้ประชาชนท้องถิ่นที่เคยอาศัยเริ่มย้ายออกจากเกาะเวนิส โดยสาเหตุมาจากราคาค่าครองชีพและที่อยู่อาศัยสูงขึ้นกอปรกับการประกอบธุรกิจส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจอื่น ๆ ต้องปิดตัวลง
หน่วย ( คน ) การเปลี่ยนแปลง ปี 2550 3,626,853 + 3.7% ปี 2551 3,433,775 - 5.3% ปี 2552 3,405,115 - 0.8% ที่มา : บริษัทส่งเสริมการท่องเที่ยวเวนิส (Azienda di Promozione Turistica — Venezia) เมืองวิเชนซ่า เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตเครื่องประดับอัญมณีที่สำคัญ 1 ใน 3 แหล่งดั้งเดิมของอิตาลีโดยมีจำนวนผู้ผลิตประมาณ 2,200 บริษัท จำนวนคนงานกว่า 8,500 คน หนาแน่นที่สุดในอิตาลี เป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของแคว้นและมีการพัฒนามายาวนานเป็นประวัติศาสตร์โดยในเขตพื้นที่ดังกล่าว ผู้ผลิตเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องประดับทองคำและเงิน ประเภท สร้อย แหวน เข็มกลัด จี้ ตุ้มหู เป็นต้น ผลิตโดยใช้ทั้งเครื่องจักรและหัตถกรรม 8. แคว้น Emilia-Romagna ที่ตั้ง ทางตอนใต้ของแคว้นลอมบาร์เดีย พื้นที่ 22,124 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง โบโลญญ่า ประชากร (ปี 2008) 4,323,830 คน อุตสาหกรรมที่สำคัญ อุตสาหกรรมเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมือง Cluster สำคัญ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย (เมือง Carpi) อุตสาหกรรมด้านการแพทย์ (เมือง Mirandola) ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อใช้สาหรับทางการแพทย์และอุปกรณ์ สำหรับรักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ การเปลี่ยนถ่ายเลือด อุตสาหกรรมด้านอาหาร (อาโกร) (เมือง Parma และ Barilla) ผลิตภัณฑ์แฮมที่ได้รับตรามาตราฐาน (DOP) พาสตา และคุ๊กกี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ (เมือง Bologna และ Modena) มีบริษัทผลิตยานยนต์ที่สำคัญได้แก่ Ferrari, Lamborghini, Maserati, Pagani และ Ducati อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ (เมือง Forli) แคว้นเอมีเลีย - โรมานยา ถือเป็นแคว้นที่ค่อนข้างเจริญและมีสภาพคล่องทางด้านเศรษฐกิจ โดยอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรกรรม อุตสหากรรมยานยนต์ อุตสหากรรมด้านการขนส่ง และอุตสหากรรมเครื่องจักรกล เป็นต้น เมืองโบโลญญ่า นอกจากจะเป็นเมืองหลวงที่สำคัญของแคว้นฯ ยังถือเป็นเมืองผู้นำด้านอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ที่สำคัญ ได้แก่ บริษัท Ferrari, Ducati, Lamborghini, Maserati และ Pagani เป็นต้น และยังมีชื่อเสียงด้านการคมนาคม และอาหาร เมือง Parma เป็นแหล่งอุตสาหกรรมอาหารที่สำคัญ มีชื่อเสียงในการผลิตผลิตภัณฑ์แฮมที่ได้รับตรามาตราฐาน (DOP) และเป็นที่ตั้งบริษัทอุตสาหกรรมอาหารที่สำคัญหลายแห่ง เช่น บริษัท Barilla ผู้ผลิตพาสตา ข้าว และคุ๊กกี๊ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลี สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ที่มา: http://www.depthai.go.th