ผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจกรีซต่อประเทศต่างๆในภูมิภาคยุโรป

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 10, 2010 15:28 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ(Credit Rating AgencyCRA) Standard & Poor's (S&P) ได้ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของประเทศกรีซลง 3 ระดับเป็นระดับ BB+ ซึ่งเป็นระดับต่ากว่าระดับน่าลงทุน (Speculative grade) หรือเป็นระดับ 'Junk' ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลถึงความสามารถในการชดใช้หนี้ของประเทศกรีซ และเกรงว่าจะเกิดวิกฤตหนี้สาธารณะ (Sovereign debt crisis) ขึ้นกับกรีซโดยรัฐบาลกรีซหยุดช่าระหนี้ ประกอบกับประเทศในกลุ่ม PIIGS ได้แก่ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี และสเปน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีสถานะทางการเงินเปราะบางและยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือลงในเวลาใกล้เคียงกันต่อมา กล่าวคือ S&P ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวของสเปนลง 1 ระดับ จาก AA+ เหลือ AA และลดระดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ระดับจากระดับ A+ เหลือ A- ท่าให้เกิดความกังวลว่า ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะเป็น Domino Effect ลุกลามไปสู่ประเทศสมาชิกดังกล่าวเหล่านี้ (โดยประเทศโปรตุเกสอยู่ในอันดับถัดไปของความเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถช่าระหนี้ ตามด้วย สเปน) และ อาจกระทบถึงความมั่นใจต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจยุโรปโดยรวม ส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนจากยุโรป ท่าให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงและมีความผันผวนมากในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะมีแผนช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศออกมาในเวลาต่อมา

2. แผนการช่วยเหลือของสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

จากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลกรีซลงเป็น Junk ซึ่งหมายความว่า บริษัทจัดล่าดับความน่าเชื่อถือ S&P มองว่าประเทศกรีซเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงส่าหรับการลงทุน (เทียบเท่ากับประเทศโคลัมเบีย ปานามา โรมาเนีย และอาเซอร์ไบจาน) ท่าให้การระดมทุนของกรีซในตลาดการเงินระหว่างประเทศระยะต่อไปเป็นไปได้ยากหรือมีต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น ประเทศกรีซไม่มีทางออกอื่นหากไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป เนื่องจากมีก่าหนดต้องช่าระคืนเงินกู้มูลค่า 8.5 พันล้าน ยูโร ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซลุกลามไปสู่สหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2553 ประเทศสมาชิกยูโรโซน (ประกอบด้วยประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 16 ประเทศ) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้มีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือประเทศกรีซโดยให้ประเทศกรีซกู้ยืมเงิน 110 พันล้านยูโร ภายในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลกรีซจะต้องด่าเนินมาตรการเข้มงวด (Austerity Measures) ในการลดรายจ่ายภาครัฐและเพิ่มการเก็บภาษี

ต่อมา เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 รัฐมนตรีคลังยุโรปได้มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกลไกการสร้างเสถียรภาพทางการเงินของยุโรป (European Financial Stabilization Mechanism) วงเงิน 500 พันล้านยูโร เพื่อสนับสนุนสภาพคล่องให้แก่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่อาจจะประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับประเทศกรีซ และเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปในระยะยาวกลับคืนมา

3. โอกาสที่ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะลุกลามไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป :

แม้ว่าสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซแล้วในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหากปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซลุกลามไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมีความเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น ทั้งในมิติการค้าและมิติการเงิน

3.1 โอกาสที่ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะลุกลามไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจของสหภาพ ยุโรปผ่านความเชื่อมโยงด้านการเงิน :

  • จากข้อมูลของ Bank for International Settlement พบว่า ณ สิ้นปี 2552 ธนาคารพาณิชย์สัญชาติยุโรป โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน เป็นเจ้าหนี้ในการปล่อยสินเชื่อให้ประเทศกรีซมากที่สุดและธนาคารเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมันเป็นเจ้าหนี้ในการปล่อยสินเชื่อให้ประเทศในกลุ่ม PIIGS มากที่สุด ดังนั้น หากรัฐบาลของกลุ่มประเทศ PIIGS ไม่สามารถช่าระหนี้คืนได้ ก็จะกระทบต่อสถานะทางการเงินและสถาบันการเงินของประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้ การใช้เงินสกุลยูโรร่วมกันของประเทศในสหภาพยุโรป 16 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกรีซ เป็นปัจจัยส่าคัญที่ท่าให้ภาคการเงินภายในภูมิภาคยุโรปมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก ดังนั้น ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เกิดกับประเทศในยูโรโซน จึงส่งผลต่อเสถียรภาพของค่าเงินยูโรอย่างรวดเร็ว และหากสหภาพยุโรปไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นในการจัดการกับปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซได้ จะส่งผลให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนออกจากสหภาพยุโรป อันจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงและมีความผันผวนมากขึ้น
  • ในส่วนของประเทศสหราชอาณาจักรแม้ว่าจะมี Direct exposure ในหนี้สาธารณะของประเทศกรีซ และโปรตุเกส ค่อนข้างน้อย แต่มีมากกับประเทศสเปน โดยเฉพาะธนาคาร Barclays และ Royal Bank of Scotland (RBS) นอกจากนี้ แม้ว่า สหราชอาณาจักรอยู่นอกยูโรโซน (EURO Zone) และยังไม่ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือก็ตาม โดยบริษัท Rating ยังจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหราชอาณาจักรที่ AAA แต่อยู่ใน 'Negative watch' เนื่องจาก สหราชอาณาจักรมีปัญหาหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงมาก ซึ่งเป็นการเตือนว่า ในอนาคตอาจถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลง ท่าให้เป็นที่จับตามองของนักลงทุน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นภาคการธนาคารของสหราชอาณาจักรจะได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากตุ้นทุนในการกู้ยืมเงินจะสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ในปัจจุบันยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบางอยู่ เนื่องจากภาคการธนาคารของ สหราชอาณาจักรมีสัดส่วนในการสนับสนุนจีดีพีสูงมาก

3.2 โอกาสที่ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะลุกลามไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปผ่านความเชื่อมโยงด้านการค้า

  • จากการที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมีความเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างกันในระดับสูง โดยการค้าภายในภูมิภาค (Intra Regional Trade) มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50 ของการค้าทั้งหมด ท่าให้ผลกระทบจากเศรษฐกิจหนึ่งส่งผลผ่านช่องทางความเชื่อมโยงทางการค้าไปสู่อีกประเทศหนึ่งได้ กล่าวคือ หากกรีซหรือประเทศในกลุ่ม PIIGS ต้องปรับลดรายจ่ายภาครัฐของตนลง ก็จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกรีซหรือประเทศในกลุ่ม PIIGS ที่ชะลอตัวลง อันจะน่าไปสู่การชะลอตัวของการค้าภายในภูมิภาค และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปโดยรวมได้
  • ในส่วนของสหราชอาณาจักร มูลค่าการค้ากับกรีซ ในปี 2552 มีมูลค่ารวม 3,308.92 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสหราชอาณาจักรส่งออกไปกรีซมี มูลค่า 2,455.74 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.69 ของการส่งออกโดยรวมไปทั่วโลก สหราชอาณาจักรน่าเข้าจากกรีซ มูลค่า 853.18 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.17 ของการน่าเข้าโดยรวมจากทั่วโลก และได้ดุลการค้ากับกรีซจ่านวน 1,602.56 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตารางที่ 1 มูลค่าการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศกรีซ

หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ

การค้า ปี 2552 สัดส่วน(%) น่าเข้าจากกรีซ 853.18 0.17 ส่งออกไปกรีซ 2,455.74 0.69 ที่มา : World Trade Atlas 4. ผลกระทบต่อประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และการประเมินผลกระทบที่อาจมีต่อการค้าของประเทศไทย 4.1 ปัญหาหนี้สาธารณะและวิกฤตการคลังของประเทศกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ PIIGS อันได้แก่ โปรตุเกส (Portugal) ไอร์แลนด์(Ireland) อิตาลี(Italy) กรีซ(Greece) และ สเปน(Spain) ก่อให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะลุกลามไปเป็นปัญหาของยุโรปและเศรษฐกิจโลก รวมถึงมีผลต่อเศรษฐกิจ การค้าการส่งออกของไทยได้ 4.2 ความชัดเจนของมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซโดยสหภาพยุโรปและ IMF ท่าให้มาตรการทางการคลังในประเทศกรีซมีข้อจ่ากัดมากขึ้น มีการปรับลดรายจ่ายภาครัฐ ลดทอนความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง นอกจากนี้ หลายประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะสูงก็ให้ความส่าคัญกับมาตรการลดการขาดดุลงบประมาณเป็นล่าดับแรกโดยการตัดลดรายจ่ายภาครัฐ ดังนั้น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกรีซและหลายประเทศในยุโรปในระยะต่อไปจะมีข้อจ่ากัดเพิ่มเติม นอกเหนือจากการว่างงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ดังนั้น หากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปในภาพรวมปรับลดลง ก็จะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกส่าคัญอันดับ 2 ของไทยได้ เนื่องจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะมีก่าลังซื้อลดลง 4.3 ในส่วนของภาคการค้าของไทยยังไม่มีผลกระทบโดยตรงอย่างมาก เพราะความผูกพันระหว่างเศรษฐกิจไทยและกรีซมีน้อย แต่ผลกระทบทางอ้อมจะมีมากกว่า ในระยะสั้น จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในเงินสกุลยูโร แต่ระยะยาวอาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าของไทยซึ่งกรีซขาดสภาพคล่องเป็นผลให้มีการดึงเงินจากสหภาพยุโรป ซึ่งจะท่าให้ดอกเบี้ยมีอัตราสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลง การอ่อนค่าของเงินยูโรจะมีส่วนท่าให้สินค้าส่งออกของไทยมายังสหภาพยุโรปมีราคาแพงขึ้น ความสามารถแข่งขันสินค้าไทยในตลาดจะลดลง ท่าให้ยุโรปน่าเข้าสินค้าไทยน้อยลงและจะมีส่วนให้มูลค่าการส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรปและประเทศยุโรปลดลง 4.4 แม้มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปจะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 12 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทย แต่ช่องทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศในกลุ่ม PIIGS ยังคงอยู่ในวงจ่ากัด เนื่องจากการส่งออกและน่าเข้าระหว่างไทยและประเทศในกลุ่ม PIIGS ยังมีปริมาณไม่มาก คิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 1.8 ของการค้ารวมระหว่างไทยกับทั่วโลก ตารางที่ 2: มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังประเทศในกลุ่ม PIIGS หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศ ปี 2552 สัดส่วน(%) อิตาลี 1,309.32 0.86 สเปน 791.63 0.52 ไอร์แลนด์ 289.13 0.19 กรีซ 216.04 0.14 โปรตุเกส 134.33 0.09 รวม 2,740.45 1.80

4.5 แนวโน้มการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหภาพยุโรปอาจได้รับแรงกดดันให้ชะลอลงหากปัญหาวิกฤตหนี้ของกรีซลุกลามซึ่งจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจสหภาพยุโรปให้ต่ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป นอกจากนั้นหลายฝ่ายยังมีความกังวลว่าปัญหากรีซจะลุกลามออกไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ อิตาลี ไอร์แลนด์ สเปน โปรตุเกส หรือ ลามไปทั่วยุโรป ขณะนี้สถานะการณ์จึงยังไม่น่าไว้วางใจ

4.6 ดังนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนผู้ประกอบการไทยจึงต้องควรจะติดตามและเฝ้าระวังข้อมูลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และผู้ประกอบการที่ท่าธุรกิจการค้ากับยุโรปโดยตรงต้องพยายามลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศสหภาพยุโรป โดยอาจจ่าเป็นต้องกระจายตลาดส่งออกไปยังตลาดภูมิภาคอื่นที่มีศักยภาพนอกเหนือจากสหภาพยุโรปเพื่อทดแทนหากสถานการณ์บานปลาย เช่น ประเทศในภูมิภาคเอเชีย กลุ่มประเทศอาเซียน ตะวันออกกลาง อินเดีย และประเทศตลาดใหม่ เป็นต้น

ส่านักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก ยุโรป   กรีซ   S&P  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ