จากภาวะวิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯ ในช่วงปี 2551-2552 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อภาวะการผลิตและการส่งออกสิ่งทอสำหรับกลุ่มประเทศในอเมริกากลาง โดยการผลิตผ้าผืนได้ลดลงร้อยละ 16.5 ในไตรมาสแรกและได้ลดลงอีกร้อยละ 0.5 ในไตรมาสสองของปี 2552 ภาวะการผลิตในไตรมาสที่สามได้กระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ปรากฎว่าโรงงานผู้ผลิตผ้าผืนหลายแหล่ง ได้ลดกำลงการผลิตลง เลิกจ้างคนงานไปถึงร้อยละ 25 และไม่ได้เตรียมการเพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้เพียงพอ เป็นผลให้เกิดภาวะขาดแคลนวัตถุดิบ และราคาวัตถุดิบ เช่น ด้ายและผ้าผืนจากฝ้ายมีราคาถีบตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 5-15 ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังโรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งปรากฏว่า ความต้องการเสื้อยืดและเสื้อโปโลได้เพิ่มขึ้นเกินคาด เป็นเหตุให้ผู้ผลิตภายในกลุ่มอเมริกากลางไม่สามารถขยายการผลิตได้ทันเพราะขาดแคลนวัตถุดิบ เจ้าของโรงงานในประเทศกัวเตมาลา และเอลซาวาดอร์ ได้ให้ข่าวว่า แม้กระทั่งการสั่งซื้อวัตถุดิบจากประเทศผู้ผลิตต้นต่อ เช่น ประเทศจีน อินเดีย บางคลาเทศ และเม็กซิโก ก็มีปัญหา เนื่องจากประเทศเหล่านี้ ได้จำกัดการส่งออกเพื่อป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบในประเทศของตนเอง
ประเทศที่รับมือต่อการขยายของความต้องการอย่างรวดเร็วในขณะนี้ได้ได้แก่ นิคารากัว โดยสามารถส่งออกเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2552 ได้ร้อยละ 12 มูลค่าการส่งออก 220.6 ล้านเหรียญฯ ตลาดการส่งออกหลักได้แก่ สหรัฐฯ (ร้อยละ 30) และอันดับสองได้แก่ เวเนซูเอลา (ร้อยละ 10)
กลุ่มประเทศอเมริกากลางเป็นผู้ส่งออกสิ่งทอที่สำคัญสำหรับตลาดสหรัฐฯ แต่ประเทศจีนได้เบียดเบียนส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ เป็นผลให้กลุ่มประเทศอเมริกากลางมีส่วนแบ่งการครองตลาดเพียงร้อยละ 8.7 ในขณะที่ประเทศจีนมีสัดส่วนการครองตลาดประมาณร้อยละ 38 จากเดิมเมื่อ 8 ปีที่แล้ว กลุ่มประเทศอเมริกากลางสามารถส่งออกเสื้อผ้าไปยังสหรัฐฯ ได้ในสัดส่วนการครองตลาดที่เท่าเทียมกันกับประเทศจีน ทั้งนี้ กลุ่มประเทศอเมริกากลางยังมีความหวังว่า ภาวะการขาดแคลนแรงงานในประเทศจีน จะช่วยให้ประเทศอเมริกากลางมีความได้เปรียบกลับคืนมาได้บ้าง
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th