1. คาดการณ์ล่าสุด GDP สิงคโปร์ปี 2553 Monetary Authority of Singapore (MAS) ได้ทำการสำรวจเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 คาดการณ์ GDP จะเติบโตร้อยละ 14.9-15.9 (คาดการณ์เดิม ร้อยละ 13.0-15.0) เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึง กลุ่มการบริการด้านการเงินและการค้าส่ง/ค้าปลีกมีความแข็งแกร่งขึ้น คาดว่า Q3’53 จะเติบโตร้อยละ 11.6 (คาด การณ์เดิมร้อยละ 6 และต่ำกว่าการเติบโตร้อยละ 18.8 ใน Q2’ 53) ทั้งนี้ การคาดการณ์ในภาคต่างๆ ดังนี้
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ คาดการณ์เดิม (%) คาดการณ์ล่าสุด (%) GDP 2553 9.0 14.9 การผลิต 16.7 28.9 การบริการด้านการเงิน 9.0 10.6 การก่อสร้าง 10.3 10.0 การค้าส่ง/การค้าปลีก 13.3 15.9 โรงแรมและภัตตาคาร 8.2 8.8 การส่งออก 17.8 19.5 อัตราเงินเฟ้อ 2.8 2.9 อัตราว่างงาน 2.0 2.2 ที่มา: Monetary Authority of Singapore ทั้งนี้ ได้คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 4.0-4.9 (คาดการณ์เดิมร้อยละ 5.0-5.9) เนื่องจากการเติบโตในระดับสูงของปี 2553 จะส่งผลให้การเติบโตในปี 2554 ลดน้อยลง 2. จำนวนคนว่างงานในสิงคโปร์ จากการสำรวจในเดือนมิถุนายน 2553 เปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 ธันวาคม 2552 และมีนาคม 2553 ดังนี้ Unemployment numbers (‘000) มิย.52 ธค. 52 มีค. 53 มิย.53 (ประมาณ) Seasonally Adjusted 90.3 66.6 66.2 68.1 Actual 116.3 59.8 63.3 98.8 Long-term unemployed 25.8 13.9 14.6 n.a. (Unemployment rate) Seasonally Adjusted 4.5 3.3 3.2 3.3 Actual 5.9 2.9 3.1 4.3 ที่มา: Ministry of Manpower ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐ Employment and Employability Institute (e21) ช่วยเหลือคนว่างงานจำนวนมากกว่า 70,000 คน (มค.52 - มิย.53) ให้มีงานทำหรือได้ตำแหน่งงานที่ดีกว่าเดิม 3. สิงคโปร์เป็นศูนย์กลาง foreign exchange อันดับ 4 จากรายงานของ The Bank for International Settlements (BIS) ให้ความสำคัญแก่สิงคโปร์โดยจัดให้เป็นอันดับ 4 ของศูนย์กลาง foreign exchange ของโลก (อันดับ 1 คือ Britain อันดับ 2 และ 3 คือ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) หากจัดอันดับในภูมิภาคเอเชีย สิงคโปร์เป็นอันดับ 2 (อันดับ 1 คือ โตเกียว) ทั้งนี้ อัตราเฉลี่ย foreign exchange ต่อวันในสิงคโปร์ ประมาณ 266 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อนึ่ง การสำรวจนี้ จัดทำขึ้นทุกๆ 3 ปี และในปีนี้ การสำรวจดังกล่าวคลอบคลุมธนาคาร 54 แห่งในสิงคโปร์ 4. กลุ่ม SMEs มีการเติบโตที่ดี จากการสำรวจ SBF-DP SME Index โดย Singapore Business Federation (SBF) และ DP Information Group (DP) ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ปรากฎผล ดังนี้ Industry Q4’2552 Q1’2553 Q2'2553 Commerce 48 54 61 Manufacturing 47 55 51 Services 47 49 56 Transport/Storage 48 50 68 OVERALL 48 51 56
5. อัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม 2553 ร้อยละ 3.1 (เทียบกับ กค.52) เนื่องจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้นของการคมนาคม(ร้อยละ 10.7) การศึกษาและเครื่องเขียน(ร้อยละ 2.9) บ้านที่พักอาศัย(ร้อยละ 2.7) การรักษาสุขภาพ(ร้อยละ 2.3) กิจการเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ(ร้อยละ 1.7) และอาหาร(ร้อยละ 1.5) ส่วนสินค้าที่ลดลง ได้แก่ เสื้อผ้า/รองเท้า(ร้อยละ -0.3) และการสื่อสารโทรคมนาคม(ร้อยละ -2.8) ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 2553 จะไม่เกินไปจากระดับที่ภาครัฐได้เคยคาดการณ์ไว้แล้ว คือ ร้อยละ 2.5-3.5
6. ภาคการบริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 Department of Statistics (DOS) ได้ทำการสำรวจรวบรวมข้อมูลจากบริษัทธุรกิจบริการมากกว่า 7,000 ราย ปรากฎผล ดังนี้ (1) อสังหาริมทรัพย์/การเช่า/การเช่าซื้อ มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 (2) บริการรักษาสุขภาพ บริการธุรกิจ และบริการการเงิน/ประกันภัย มีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 7.8 - 8.7 (3) การบริการด้านอื่นๆ มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.3
7. สิงคโปร์เป็นประเทศที่แข่งขันได้ของโลกอันดับ 3 จากการสำรวจของ World Economic Forum (WEF) annual Global Competitiveness Report โดยดูจากปัจจัยต่างๆได้แก่ การไม่มีการคอรัปชั่น นโยบายโปร่งใสและความแข็งแกร่งของรัฐบาล เป็นศูนย์กลางการค้า บุคคลากรมีความรู้ความชำนาญ โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจทันสมัย และการสนับสนุนผลผลิตทางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับต้นๆ มีดังนี้
Country 2010-11 2009-10 Switzerland 1 1 Sweden 2 4 Singapore 3 3 United States 4 2 Germany 5 7 Japan 6 8 Finland 7 6 The Netherlands 8 10 Denmark 9 5 Canada 10 9 Hong Kong 11 11 Britain 12 13 Taiwan 13 12 Norway 14 14 France 15 16
8. เงินเหรียญสิงคโปร์แข็งค่าขึ้น อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 กันยายน 2553 คือ 1 เหรียญสหรัฐฯ = 1.3406 เหรียญสิงคโปร์ (วันที่ 3 กย.53 = 1.3443) นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่า ทิศทางเศรษฐกิจและการเงินโลกที่อาจส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากประเทศในแถบยุโรปและไหลเข้าสู่ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียรวมสิงคโปร์ ซึ่งผลกระทบข้างเคียงจะทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อผู้ส่งออกสินค้าของสิงคโปร์
1. สิงคโปร์กับอิสราเอล Singapore-Israel Industrial R&D Foundation (SIIRD) เป็นความร่วมมือระหว่าง Economic Development Board สิงคโปร์ และ Israel’s Office of the Chief Scientist ได้จัดสรรเงิน 5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ให้แก่บริษัทสิงคโปร์ 7 ราย เพื่อดำเนินการค้นคว้าและพัฒนา(R&D) โครงการผลิตเพื่อเชิงพาณิชย์ร่วมกับบริษัทอิสราเอล โดยมีนักค้นคว้าวิจัยและวิศวกรจากสิงคโปร์และอิสราเอลรวมจำนวน 95 ราย ทั้งนี้ คาดว่า จะสามารถทำรายได้รวมกันได้ถึง 1.35 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ภายใน 3 ปีแรกที่สินค้าเป็นเชิงพาณิชย์
2. สิงคโปร์กับ Jilin-ประเทศจีน Mr. Mah Bow Tan, Minister for National Development สิงคโปร์ ได้เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการสร้าง Integrated Pig Farm ที่โซนอาหารแห่งแรก Jilin-Singapore Agriculture and Food Zone ประเทศจีน โดยผู้ลงทุนคือ Singapore Food Industries (SFI) และคู่ค้าคือ Taiwan’s Dachan Food(Asia) มีแผนการผลิตสุกรจำนวน 1 ล้านตัวต่อปี บนพื้นที่มากกว่า 100,000 ตารางเมตร และจะดำเนินการครบวงจรตั้งแต่การจัดหาอาหารสัตว์ การเลี้ยง/ดูแล และขบวนการผลิต ทั้งนี้ ฟาร์มสุกรนี้ จะสร้างแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2554
1. ซุปเปอร์มาร์เก็ต Carrefour ขายกิจการ ทั้งในสิงคโปร์ (2 สาขา) มาเลเซีย (19 สาขา) และไทย (40 สาขา) และหันไปมุ่งเน้นกิจการในประเทศที่ Carrefour อยู่ในระดับผู้นำของตลาด ทั้งนี้ การจำหน่ายจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ สิงคโปร์/มาเลเซีย และไทย ส่วนผู้ที่สนใจจะซื้อได้แก่ Guichard-Perrachon-France’s Casino, Britain’s Tesco, Diary Farm (Giant and Cold Storage), Aeon-Japan No. 2 Retail Group, Berli Jucker (Thailand), PTT-Thailand biggest energy company
2. ภัยธรรมชาติในจีนทำให้ราคากระเทียมสูงขึ้น Singapore Fruits and Vegetables Importers and Exporters คาดว่า ราคาขายส่งจะสูงขึ้นอีกประมาณร้อยละ 20 ซึ่งส่งผลให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น ในขณะนี้กระเทียมน้ำหนัก 250 กรัม ราคา 1.50 เหรียญสิงคโปร์ (เพิ่มขึ้นจากเดิม ร้อยละ 25) ทั้งนี้ จากสถิติของ Agri-Food and Veterinary Authority (AVA) ในปี 2552 สิงคโปร์นำเข้ากระเทียมปริมาณ 11,702 ตัน ซึ่งจีนเป็นประเทศผู้ผลิตอันดับแรกๆของโลก (ประมาณร้อยละ 65) ทั้งนี้ นอกจากราคากระเทียมสูงขึ้นแล้ว ราคาสินค้าผักอื่นๆจากจีนมีราคาสูงขึ้นด้วย ได้แก่ ขิง และผักกาดขาว (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5)
3. สิงคโปร์เป็นประเทศที่ต่างชาติปรารถนามาพำนัก จากการสำรวจของ Gallup ทำการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ 350,000 ราย ใน 148 ประเทศ ระหว่างปี 2007-2010 เพื่อค้นหา Country’s Potential Net Migration Index (PNMI - ดัชนีผู้ที่ประสงค์จะย้ายถิ่นฐาน) ซึ่งสิงคโปร์เป็นที่ปรารถนาอย่างมาก หากสิงคโปร์อนุญาตให้คนต่างชาติทุกรายที่ยื่นขอเป็น Permanent Resident จะทำให้ประชากรเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า ทั้งนี้ จากการสำรวจประเทศที่ Most Preferred และ Least Preferred ดังนี้
Most Preferred Least Preferred Country Index score (%) Country Index score (%) Singapore 219 Sierra Leone -56 New Zealand 184 Haiti -51 Saudi Aribia 176 Zimbabwe -47 Canada 160 Nigeria -46 Switzerland 150 Somaliland region -46 Australia 148 Ethiopia -46 Kuwait 127 El Salvador -45 Liberia -45 Comoros -45
4. ราคาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์สุงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการสำรวจของ Global Property Guide (On line Property Research House) รวบรวมข้อมูลจาก 36 ประเทศ แสดงผลถึงราคาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 34 (ไตรมาสที่ 2 ปี 2553) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการเพิ่มอย่างรวดเร็วของโลก เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ดังนี้
Year-on-year change (%) Quarter-on-quarter change (%) Country Q2’2010 Q2’2009 Q2 2010 Singapore 34.03 -24.51 4.41 Hong Kong 21.42 -6.96 3.05 Australia (8 cities) 14.85 -2.04 2.44 Taiwan 11.51 3.61 2.63 Latvia (Riga) 9.38 -58.96 5.85 ที่มา: Global Property Guide กิจกรรมที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 1-15 กันยายน 2553 1. ประสานงานและอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการไทยร่วมงาน Thai Festival 2010 ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครรราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ และทีมประเทศไทย ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2553 โดย สคร.สิงคโปร์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เชิญผู้ประกอบการไทย รวม 59 ราย 2. ประสานงานเชิญนักธุรกิจสิงคโปร์เยือนงาน Bangkok Gems & Jewelry 2010 ระหว่างวันที่ 8-12 กันยายน 2553 ซึ่งมีผู้สนใจเข้าชมงานฯ 7 ราย 3. ประสานติดตามผลการขออนุมัติการจัดคณะผู้แทนการค้าสิงคโปร์สินค้ายานยนต์และอุปกรณ์ยานยนต์เยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2553 โดยคณะประกอบ ด้วย 16 บริษัท (21 ราย) เพื่อพบเจรจาการค้ากับผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ฯ 4. เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำคณะผู้แทนการค้าสิงคโปร์สินค้ายานยนต์และอุปกรณ์ยานยนต์เยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2553 โดยคณะประกอบด้วย 16 บริษัท (21 ราย) 5. ประสานและติดตามผลการขออนุมัติปรับโครงการส่งเสริมการขายร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นโครงการส่งเสริมเครือข่ายธุรกิจสปาไทยสู่ตลาดสิงคโปร์ (กำหนดการระหว่างวันที่ 27-28 กันยายน 2553) 6. ประสานติดตามผลจาก Singapore Business Federation เพื่อจัดคณะสมาชิกฯ เยือนงาน Thailand International Logistics Fair 2010 (7-10 October 2010) 7. ติดตามผลการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์งาน BIG & BIH, October 2010 ( 19-24 October 2010) ในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างประเทศ (The Straits Times สิงคโปร์ ครั้งที่ 2) 8. ประสานเชิญสื่อมวลชนเยือนงาน Thailand International Logistics Fair 2010 (7-10 October 2010) และ Bangkok International Gift Fair and Bangkok International Houseware Fair (19-24 October 2010) 9. ประสานเชิญชวนนักธุรกิจ/ผู้นำเข้าสิงคโปร์เยือนงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ได้แก่ - Thailand International Logistics Fair 2010 (7-10 October 2010) - Thailand International Education Exhibition 2010 (8-10 October 2010) - Bangkok International Gift Fair and Bangkok International Houseware Fair (19-24 October 2010) สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์ ที่มา: http://www.depthai.go.th