วันนี้ เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 6 องค์กร ได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย นำโดย นางบัญญัติ ทัศนียะเวช ที่ปรึกษาประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายมานิจ สุขสมจิตร ที่ปรึกษาสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะรวม 17 คน เข้าพบ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลผลักดันร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. .... เพื่อยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 และขอให้มีการเร่งจัดทำกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์โดยเร็ว
ตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้กล่าวว่า ขณะนี้ นางบัญญัติ ทัศนียะเวช ที่ปรึกษาประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนสื่อมวลชน ได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. .... ซึ่งจัดทำขึ้น โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศ โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ได้มีการเสนอขอให้ดำเนินการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 เนื่องจากเห็นว่า เป็นกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 และร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย จึงขอให้รัฐบาลสนับสนุนและผลักดันการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 เพื่อจะก่อให้เกิดผลดีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลไทยในสายตาต่างประเทศและถือเป็นอีก ก้าวหนึ่งที่สำคัญของรัฐบาลในการปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ได้ขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาจัดทำกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยยึดหลักประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของชุมชนเป็นหลัก และระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายดังกล่าวรองรับ และยังไม่มีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) รัฐบาลควรดำเนินการออกมาตรการชั่วคราวเพื่อควบคุมและคุ้มครองผู้ประกอบการวิทยุชุมชนและกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกในท้องถิ่น (เคเบิลทีวี) โดยให้สามารถดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะมีกฎหมายรองรับ เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลที่ฉวยโอกาสเข้ามาใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่และโครงข่ายโทรคมนาคมของรัฐ หาผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า โดยหลักการพร้อมให้การสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. .... ที่ขอให้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 และกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจะยึดถือร่างพระราชบัญญัติฉบับที่องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้ยกร่างฯ เป็นหลัก แต่รัฐบาลก็จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ด้วย ในส่วนของการจัดทำกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์นั้น ขณะนี้ ได้มีการยกร่างฯ ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ของวิทยุด้วย และได้มีการยุบรวม กสช. และ กทช. เข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาของสื่อและปัญหาในทุก ๆ เรื่อง นั้น ย่อมไม่สามารถแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนและตัดสินใจที่จะทำในส่วนเท่าที่จำเป็นจริง ๆ ด้วยเงื่อนของเวลาที่เป็นตัวบังคับ โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการในเรื่องทีวีสาธารณะ และรถไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งผลักดัน เพราะใช้งบประมาณในการดำเนินการเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจ และจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ทุกเรื่องโดยที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้กล่าวว่า ขณะนี้ นางบัญญัติ ทัศนียะเวช ที่ปรึกษาประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนสื่อมวลชน ได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. .... ซึ่งจัดทำขึ้น โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศ โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ได้มีการเสนอขอให้ดำเนินการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 เนื่องจากเห็นว่า เป็นกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 และร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย จึงขอให้รัฐบาลสนับสนุนและผลักดันการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 เพื่อจะก่อให้เกิดผลดีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลไทยในสายตาต่างประเทศและถือเป็นอีก ก้าวหนึ่งที่สำคัญของรัฐบาลในการปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ได้ขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาจัดทำกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยยึดหลักประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของชุมชนเป็นหลัก และระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายดังกล่าวรองรับ และยังไม่มีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) รัฐบาลควรดำเนินการออกมาตรการชั่วคราวเพื่อควบคุมและคุ้มครองผู้ประกอบการวิทยุชุมชนและกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกในท้องถิ่น (เคเบิลทีวี) โดยให้สามารถดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะมีกฎหมายรองรับ เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลที่ฉวยโอกาสเข้ามาใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่และโครงข่ายโทรคมนาคมของรัฐ หาผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า โดยหลักการพร้อมให้การสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. .... ที่ขอให้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 และกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจะยึดถือร่างพระราชบัญญัติฉบับที่องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้ยกร่างฯ เป็นหลัก แต่รัฐบาลก็จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ด้วย ในส่วนของการจัดทำกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์นั้น ขณะนี้ ได้มีการยกร่างฯ ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ของวิทยุด้วย และได้มีการยุบรวม กสช. และ กทช. เข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาของสื่อและปัญหาในทุก ๆ เรื่อง นั้น ย่อมไม่สามารถแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนและตัดสินใจที่จะทำในส่วนเท่าที่จำเป็นจริง ๆ ด้วยเงื่อนของเวลาที่เป็นตัวบังคับ โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการในเรื่องทีวีสาธารณะ และรถไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งผลักดัน เพราะใช้งบประมาณในการดำเนินการเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจ และจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ทุกเรื่องโดยที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--