นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ได้มอบให้กรมการแพทย์รับผิดชอบงานด้านการรักษาพยาบาล จัดทำแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยดูแลรักษาและการควบคุมป้องกันการติดเชื้อกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโรคไวรัสอีโบลา และถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเข้าใจถึงสถานการณ์การระบาด การควบคุมป้องกัน การเฝ้าระวังการเกิดโรค การป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงสามารถให้การวินิจฉัยดูแลรักษาที่ถูกต้องรวดเร็วและมีมาตรฐาน เพื่อให้การดำเนินงานด้านการรักษาพยาบาลครบวงจรและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านนายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่กรมการแพทย์ได้ทบทวนและปรับปรุงแนวทางการวินิจฉัย การดูแล รักษาและการควบคุมป้องกันการติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เพื่อให้โรงพยาบาลทุกระดับมีแนวทางในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลซึ่งต้องปฏิบัติเหมือนผู้ป่วยโรคติดต่ออันตรายสูง เช่น โรคซาร์ส อย่างเคร่งครัด รวมทั้งพัฒนาเครือข่ายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีความพร้อมในการดูแลรักษาตลอด 24 ชั่วโมง กรณีพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ล่าสุด 16 สิงหาคม 2557 พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศกินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย สะสมรวมทั้งสิ้น 2,473 ราย เสียชีวิต 1,145 ราย ได้รับการยืนยันทางห้องปฏิบัติการเป็นผู้ป่วย 1,460 ราย เสียชีวิต 805 ราย ในส่วนของประเทศไทยจากการคัดกรองที่สนามบินนานาชาติทั้ง 5 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน – 16 สิงหาคม 2557 มีผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดทั้งหมด 581 ราย เป็นผู้เดินทางที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังในช่วง 21 วัน จำนวน 115 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขจะทำการติดตามผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังทุกวัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
สิงหาคม5/2
22 สิงหาคม 2557
ที่มา: http://www.thaigov.go.th