นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่น ประจำปี 2557

ข่าวทั่วไป Thursday September 18, 2014 16:34 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่น ประจำปี 2557 เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนานาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยหวังให้มีการนำวัสดุเหลือใช้พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ เพิ่มมูลค่าสิ้นค้า พร้อมพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย

วันนี้ (18ก.ย.57) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่น ประจำปี 2557 หรือ Prime Minister’s Business Enterprise Award 2014 : PM Award 2014 เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนานาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สามารถแข่งขันและสร้างตลาดต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน พร้อมเป็นประธานเปิดงานจัดแสดงผลงานด้านนวัตกรรมและการออกแบบ ประจำปี 2557 หรือ Thailand Innovation and Design Expo 2014 : T.I.D.E 2014 ซึ่งเป็นงานที่รวมสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมและผลงานต่าง ๆ ที่ได้รับการสร้างสรรค์ออกแบบโดยฝีมือคนไทยและผลงานสิ่งประดิษฐ์จากประเทศต่าง ๆ จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะทูตานุทูต ผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้ประกอบการด้านนวัตกรรม หน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวรายงานถึงโครงการ Prime Minister’s Business Enterprise Award 2014 หรือ PM Award ว่า เป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ ริเริ่มและดำเนินการต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2535 – 2556 มีบริษัทที่ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับรางวัล รวม 414 บริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนและให้ความสำคัญแก่ผู้ประกอบธุรกิจทั้งในกลุ่มสิ้นค้าและบริการที่มีผลงานดีเด่น มีการริเริ่มและพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศ ภายใต้ชื่อการค้าของตนเองและมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก โดยกระทรวงพาณิชย์มุ่งหวังที่จะสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ดีแก่ผู้ประกอบการที่มีส่วนผลักดันการส่งออกสินค้า และบริการของประเทศ รัฐบาลจึงได้กำหนดให้มีพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน สำหรับปี 2557 คณะกรรมการพิจารณารางวัลฯ มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจาณารางวัลให้มีความชัดเจน ครอบคลุมสถานการณ์การค้าในปัจจุบันโดยมีการปรับเปลี่ยนรางวัลให้เหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การพิจารณาคัดเลือกบริษัทเข้ารับรางวัล PM Award มีการดำเนินการเป็นขั้นตอนและระบบด้วยความโปร่งใส โดยคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและตัดสินให้เข้ารับรางวัล PM Award 2014 รวม 21 รางวัล

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบโล่รางวัล PM Award 7 ประเภท ( จำนวน 21 รางวัล) ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจดีเด่นปี 2557 ประกอบด้วย 1. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม (Best Exporter) 2. รางวัลสินค้านวัตกรรมที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม (Best Green Innovation) 3. รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม (Best Thai Brand) 4. รางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม (Best DEmark) 5. รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Service Enterprise Award) 6. รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกและคุณภาพยอดเยี่ยม (Best OTOP Export Recognition) และ 7. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจเกิดใหม่ยอดเยี่ยม (Best Business Startup)

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งความสุขอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะได้มีโอกาสมาร่วมงานกับภาคเอกชนต่าง ๆ เป็นครั้งแรกในการมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่น (PM Award ) ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ทั้งนี้การได้รับรางวัล PM Award ถือเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าและการบริการในด้านต่าง ๆ ทั้ง 7 ประเภท จำนวน 21 ผู้ประกอบการ จากทั้งหมด 414 บริษัท

พร้อมทั้ง ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับอีกก้าวหนึ่งในความสำเร็จของทุกคนในวันนี้ ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นดังกล่าวคืออนาคตของประเทศไทย ทั้งนี้ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีอนาคตมากพอสมควรในโลกและภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคต และการยกระดับการประกอบการต่าง ๆ ทุกด้าน ซึ่งเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนของทุกประเทศ เพราะฉะนั้นการที่มีการพัฒนาตนเองตลอดเวลา และมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงมีการวิจัยและพัฒนา ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้มีการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาจนได้รับรางวัลดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันคนหรือบริษัทเก่า ๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมาให้สามารถแข่งขันได้และทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านต่าง ๆ ทั้งในเรื่องข้อพันธะสัญญา ข้อผูกพัน ข้อเจรจาต่าง ๆ รวมทั้งปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ภายนอก และสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยขอให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ “ความมีเหตุมีผล ความพอประมาณ และมีภูมิคุ้มกันที่ดี” มาเป็นแนวทางในการประกอบการและการดำเนินชีวิต

รวมทั้งการผลิตสินค้าหรือประกอบการต่าง ๆ ขอให้ดำเนินการทั้งเพื่อส่งออกและผลิตสินค้าให้กับคนที่มีรายได้น้อย และให้สินค้ามีคุณภาพเท่าเทียมกัน โดยอาจประดับตกแต่งน้อยลง เพื่อให้สามารถขายในราคาลดลงได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องคำนึงคือการลงทุนหรือต้นทุนการผลิตต้องสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ขณะที่คุณภาพของสินค้าก็ต้องดี หรือดึงดูดและน่าสนใจ เพราะฉะนั้น บริษัทที่ได้รับรางวัลวันนี้ จึงถือว่าเป็นอนาคตของประเทศไทยที่จะต้องสืบสานต่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต ภายใต้การแข่งขันและวิกฤตที่จะทำให้เป็นโอกาส ซึ่งถือเป็นความท้าทายของประเทศไทย ที่จะเดินอย่างไรไปข้างหน้า ทั้งความมั่นคง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสังคมจิตวิทยา ซึ่งเป็น 3 เสาหลักของอาเซียน

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ต้องการให้ประเทศไทยผลิตสินค้าที่มีแบรนด์ไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ผลผลิตหรือวัตถุดิบภายในประเทศไทย โดยอาจจะมีการนำผลิตผลทางการเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ฯลฯ มาพัฒนาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีการบอกเล่าเรื่องราวถึงกระบวนการผลิตที่มาต้นกำเนิดผสมผสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามและภูมิปัญญาของไทยไว้ในบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น รวมทั้งฝากให้เร่งสร้างนวัตกรรม ใหม่ ๆ และคิดค้นออกไปสู่การผลิตเป็นสินค้าได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้มีการนำวัชพืชหรือวัสดุเหลือใช้ ต่าง ๆ เช่น ผักตบชวา มาพัฒนาปรับปรุงให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและนวัตกรรมใหม่ ตลอดจนการพัฒนาหีบห่อบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัย น่าสนใจ และดึงดูดผู้บริโภคได้มากขึ้น

ในต้อนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และหวังว่าในปีต่อๆ ไป จะมีการพัฒนามากขึ้น พร้อมขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทุกคนที่ร่วมกันปรับปรุงประเภทรางวัลและคัดเลือกจนได้ผู้ประกอบการที่ครอบคลุมสาขาที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจากความร่วมมือร่วมใจกันในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติให้เจริญและมั่นคงสืบไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กดปุ่มเปิดงานจัดแสดงผลงานด้านนวัตกรรมและการออกแบบ ประจำปี 2557 หรือ Thailand Innovation and Design Expo 2014 : T.I.D.E 2014 พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ PM Award 2014 โดยได้สอบถามเกี่ยวกับผลงานและสิ้นค้า T.I.D.E 2014 ที่จัดแสดงไว้ด้วยความสนใจ

สำหรับการจัดงาน Thailand Innovation and Design Expo 2014 : T.I.D.E 2014 กำหนดขึ้น ระหว่างวันที่ 18-21 กันยายน 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อจัดแสดงผลงานด้านการออกแบบ ผลงานด้านนวัตกรรมของไทย ผลงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผลงานที่ได้รับรางวัล/เครื่องหมายรับรอง จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เช่น ผลงานการประกวดที่ได้รับรางวัล DEmark ผลงานนักออกแบบ Talent Thai ผลงานนักออกแบบต่างชาติ Asia Talent และ Designers’ Room ผลงานด้านการออกแบบของไทยที่ได้รับรางวัลจากต่างประเทศ เป็นต้น

ส่วนกิจกรรมภายในงาน T.I.D.E 2014 แบ่งเป็นการจัดแสดงชิ้นงานและนิทรรศการ ประกอบด้วย 1. ส่วนจัดแสดง Innovation Show Case 2. ส่วนจัดแสดง International Pavilion 3. ส่วนจัดแสดง Innovation Highlight 4. ส่วนจัดแสดงนิทรรศการของกรม 5. ส่วนเจรจาธุรกิจ 6. ส่วนการขายปลีก และ 7. ส่วนคูหาพันธมิตร รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมและการให้บริการอื่น ๆ อาทิ การจัดอบรมสัมมนาด้านนวัตกรรมและการค้า การจัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ด้านนวัตกรรม ตลอดจนการจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานอื่นที่มีกิจกรรมน่าสนใจคือ เทศกาลภาพยนตร์ Movie on Design (MOD) ฉายวันละ 3 เรื่อง เรื่องละ 1 รอบต่อวัน ซึ่งเป็นกิจกรรมคืนความสุขให้กับประชาชนด้วย

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ