รมว.แรงงาน ต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ กระชับความสัมพันธ์ ไทย – เวียดนาม

ข่าวทั่วไป Wednesday October 15, 2014 17:54 —สำนักโฆษก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ต้อนรับเอกอัครราชทูตเวียดนาม เผย งานด้านแรงงานสำคัญกับทุกประเทศ เป็นฐานรากเศรษฐกิจและสังคม โจทย์ใหญ่เร่งปรับปรุง บังคับใช้กฎหมาย ลดความขัดแย้งในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จัดระเบียบแรงงานรองรับอาเซียน ย้ำเข้ามาทำงานในไทยต้องได้รับการคุ้มครองเทียบเท่าสากล พร้อมนำ 3 ฝ่าย ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ภาครัฐ สู่ผลประโยชน์ร่วมกันเกิดความสมดุลที่สุด

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับนายเหงียน ตัด ถั่น (H.E.Mr.Nguyen Tat Thanh) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวและแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้ารับตำแหน่ง ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า การทำงานด้านแรงงานเป็นงานที่มีความสำคัญกับทุกประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นฐานรากของเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ยังมีมิติของงานด้านความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นที่ทราบดีว่าไทยเป็นประเทศเสรีที่เปิดกว้างสำหรับการเดินทางเข้า – ออกของผู้คน จากทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ชนเผ่าที่อยู่ในพื้นที่ รวมทั้งชาวเวียดนามด้วยเช่นกัน ดังนั้น การจัดระเบียบแรงงานจึงเป็นปัญหาใหญ่

ที่กระทรวงแรงงานต้องดำเนินการ ซึ่งได้มีการจัดตั้งศูนย์จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop –Service-Center) ขึ้นเป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้กระทรวงแรงงานยังเผชิญกับปัญหาการกำหนดความต้องการแรงงานของประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีหลายประเทศ ที่ประสงค์จะส่งแรงงานมาทำงานในไทย ดังนั้นการกำหนดความต้องการแรงงานจึงเป็นโจทย์ที่กระทรวงแรงงานต้องรีบดำเนินการ

ด้วยเช่นกัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงแรงงานจำเป็นต้องเข้ามาจัดระเบียบและปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ถ้ามีกฎหมายที่ไม่มั่นคง การบังคับกฎหมายทำไม่ได้ การแทรกแซงทางการเมืองจะเข้ามาในระบบของแรงงาน ทำให้ปัญหาพัฒนาและเกิดความขัดแย้งในกลุ่มผู้ใช้แรงงานได้ ในช่วงต่อจากนี้ไปเป็นช่วงที่สำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน หากการทำงานไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ไม่มีความโปร่งใส จะทำให้เกิดความยุ่งยาก และอาจเกิดวิกฤตรอบใหม่ได้ ส่วนการจัดทำความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างไทยกับเวียดนามนั้นคงจะต้องใช้เวลาพิจารณาอีกระยะหนึ่งประมาณ 3 – 6 เดือนคงจะมีความก้าวหน้า นอกจากนี้ ขอให้แน่ใจได้ว่าแรงงานชาวเวียดนามที่ทำงานในประเทศไทยจะได้รับการคุ้มครองเท่าเทียมกับแรงงานไทย และเป็นไปตามมาตรฐานสากล

“งานด้านแรงงานค่อนข้างยากพอสมควร เป็นงานที่มีความละเอียดอ่อน เพราะเป็นงานที่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดของคน เป็นงานที่เกี่ยวกับความพึงพอใจของคน เพราะไม่ใช่คนฝ่ายเดียวแต่เป็นคนสองฝ่าย ซึ่งต้องทำงานร่วมกันแต่มีความต้องการแตกต่างกัน และงานที่กระทรวงแรงงานเราอยากทำคือเราต้องพยายามนำทุกฝ่ายไปสู่ผลประโยชน์ร่วมที่พึงพอใจร่วมกันระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ ทั้ง 3 ฝ่ายเราต้องทำให้เกิดความสมดุลที่ดีที่สุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้าน นายเหงียน ตัด ถั่น (H.E.Mr.Nguyen Tat Thanh) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามพัฒนามาโดยลำดับ ทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่ปัจจุบันมีบริษัทของไทยที่ไปลงทุนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก ประกอบกับสินค้าของไทยเป็นที่นิยมของชาวเวียดนาม ส่วนด้านการศึกษาได้มีการจัดส่งนักศึกษามาเรียนในไทย ส่วนด้านแรงงานกระทรวงแรงงานของไทยและเวียดนามมีความร่วมมือกันมาด้วยดีโดยตลอด เวียดนามให้ความสำคัญในการจัดส่งแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทย และเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงขอเชิญรัฐมนตรีเดินทางไปประเทศเวียดนามในโอกาสต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ