พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับนางอีต โซเฟีย (H.E. Mrs. Eat Sophea) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวและแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้ารับตำแหน่ง ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า การจดทะเบียนแรงงาน งานลักษณะนี้เป็นงานที่ยาก กว่างานปกติทั่วไป จึงต้องมีความร่วมมือที่ดีจากทุกส่วนทั้งกัมพูชาและไทยที่จะเข้ามาทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากงานที่ยากจะมีช่องว่างที่ทำให้มีคนที่ประพฤติมิชอบ อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงแรงงานได้เร่งรัดกำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเพื่อให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ยังคงมีคนเหล่านี้อยู่ ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงแรงงาน ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตามนายจ้างที่ไม่ดียังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานที่จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ขอให้ท่านทำงานร่วมกันด้สยความสบายใจ เพราะว่ากัมพูชากับไทยอยู่คู่กันมานานและคงจากกันไม่ได้ ปัญหาของกัมพูชาคือปัญหาของไทย ปัญหาของไทยก็ต้องร่วมกับกัมพูชาในการร่วมมือกันแก้ไขตลอดไป
“เรื่องคน เครื่องมือและวิธีการ คือปัจจัยสำคัญในการดำเนินการจดทะเบียนแรงงานให้ประสบความสำเร็จ ขณะนี้กระทรวงแรงงานได้ออกกฎหมายโดยการร่างกฎกระทรวงเรื่องการคุ้มครองแรงงานประมงทะเล ซึ่งเร็วๆนี้ กลุ่มนายจ้างประมงจะมาหารือถึงแนวทางในการปฏิบัติ โดยจะชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องสิทธิของแรงงานบนเรือประมงว่าต้องได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันและเป็นมาตรฐาน ค่าแรงต้องชัดเจน เวลาพักผ่อนต้องชัดเจน การทำงานในวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็ต้องเพิ่มเงินให้ตามกฎหมาย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้าน นางอีต โซเฟีย (H.E.Mrs.Eat Sophea) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตนได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา และเพิ่งทำงานในตำแหน่งเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทยมาเพียง 4 -5 เดือน ทั้งนี้ขอขอบคุณที่ให้เกียรติและชมเชยผู้หญิงกัมพูชาและจะทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงานของไทยต่อไป ขณะนี้พยายามเดินทางเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เพื่อแสดงความยินดีและกระชับความสัมพันธ์ และต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทย และช่วยให้แรงงานกัมพูชาลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันแรงงานกัมพูชาน่าจะมีอยู่ในไทยราว 5 แสนคน ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อทดลองออกพาสปอร์ตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม
ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจว่าในแต่ละวันมีแรงงานกัมพูชามาทำพาสปอร์ตจำนวนเท่าใด ซึ่งผลการดำเนินการในวันแรกค่อนข้างประสบปัญหา เนื่องจากเจ้าหน้าที่บางส่วนไม่ได้ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ และเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอกับการให้บริการแก่แรงงานกัมพูชาที่มีจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจะรับคำแนะนำจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยไปดำเนินการ และกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่กัมพูชาไปรีดไถเงินจากแรงงานที่เข้ามาจดทะเบียน เพราะแรงงานที่มาทำพาสปอร์ตมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง หากการดำเนินการใช้เวลาไม่มาก จะช่วยให้แรงงานเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงด้วย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างและแรงงานเอง
“ไทยและกัมพูชามีเขตแดนติดกัน ประชากรมีความสัมพันธ์กันตามแนวชายแดน ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนของกัมพูชาก็เกิดขึ้นกับประชาชนของไทยเพราะมีชายแดนติดกัน ซึ่งในขณะนี้มีการลงทุนของไทยในกัมพูชา ขณะเดียวกันกัมพูชาก็พยายามที่จะมาลงทุนในไทยด้วย ส่วนแรงงานกัมพูชาประมาณ 5 แสนคน หากลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์ การเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างคงเบาบางลง”นางอีต โซเฟียฯ กล่าว
กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th