วันนี้ (28 ต.ค.57) เวลา 14.20 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจ จำนวน 29 แปลงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เก่า ยังไม่ได้ดำเนินการสำรวจพลังงาน และหมดอายุ จำเป็นต้องต่อสัมปทาน เพื่อให้มีการสำรวจพลังงานใหม่บนข้อกำหนด Thailand III plus คือเป็นการต่อยอดจากเงื่อนไขเดิม แต่ให้ประโยชน์ต่อท้องถิ่นมากขึ้น ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จะกระทบต่อแหล่งพลังงานในอนาคต เพื่อให้มีแหล่งพลังงานเพียงพอรองรับการใช้งานในอนาคต เพราะต้องใช้เวลาในการสำรวจแหล่งพลังงาน จำนวน 7 ปี และเวลาดำเนินการอีก 1 ปี ซึ่งขณะนี้เวลาดำเนินการได้ล่วงเลยไปแล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเปิดสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือไม่นั้น ต้องดูข้อเสนอของผู้สนใจก่อน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาในการพิจารณาภายใน 4 เดือน สำหรับการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องพลังงานจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย 100% ซึ่งการทำงานร่วมกันต้องมีแรงจูงใจ และมีสัดส่วนของผลประโยชน์ที่เท่าเทียม อย่าไปมองว่าเป็นการขายแผ่นดินให้ประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลต้องการดำเนินการทุกอย่างให้มีความโปร่งใส แต่การหารือ แต่ละครั้งไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับคู่เจรจาว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร ซึ่งจะต้องมีการต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างถึงที่สุด และบริเวณแปลงสำรวจ จำนวน 29 แปลง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ซับซ้อน เป็นพื้นที่ที่ไทยอ้างสิทธิ์ทั้งหมด ในส่วนของพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นแหล่งพลังงานจะต้องมีการหารือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลอย่างเปิดเผย โดยไม่มีการหารือแบบลับ ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นรูปแบบของคณะกรรมการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจเรื่องพลังงานและความดีใจที่ทุกคนรักชาติ รักแผ่นดิน แต่ขออย่ากังวลถึงการเดินทางไปหารือกับประเทศเพื่อนบ้านว่าจะมีการตกลงอะไรทีทำประเทศเสียหาย ซึ่งถ้าจะมีการตกลงเกิดขึ้น จะเป็นการตกลงภายใต้หลักการระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลเท่านั้น
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th