วันนี้ (19 พ.ย.57) เวลา 10.00 น. ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการปล่อยแถวเครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ในงาน “คืนความสุขให้คนไทย รวมใจสู้ภัยแล้ง” โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงาน ซึ่งมีนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดขอนแก่น และประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงาน พร้อมมอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพบปะประชาชน สรุปสาระสำคัญว่า การแก้ปัญหาภัยแล้งในวันนี้ต้องมองยุทธศาสตร์ประเทศว่าจะเดินไปอย่างไร จะมียุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำอย่างไรไม่ให้เกิดภัยแล้งซ้ำซาก รวมทั้งดูเรื่องการปลูกพืช ดูแลเรื่องการคมนาคม การให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งเห็นใจประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม รัฐบาลได้พยายามดูทุกอย่างที่จะต้องเป็นการแก้ไขอย่างยั่งยืน ให้ราคาผลิตผลภาคการเกษตรสูงขึ้น ให้ปลูกข้าวที่มีคุณภาพได้ได้ราคาสูง ประเทศไทยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมานานแล้ว ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องแก้ไขอย่างเป็นระบบ วันนี้รัฐบาลไม่ใช่มาแก้เรื่องการเมืองหรือความขัดแย้งเป็นหลัก แต่รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ บังคับใช้กฎหมายให้เป็นธรรม ให้เกิดความทั่วถึงเท่าเทียม วางรากฐานประชาธิปไตยในวันหน้า ถ้าประชาธิปไตยยังขัดแย้งอยู่จะเดินหน้าไม่ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามามีความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทหารได้ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ซึ่ง 4-5 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่าทุกอย่างค่อนข้างจะดีขึ้น ทั้งนี้ ทุกเรื่องต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา การแก้ปัญหาของประชาชน 70 ล้านคนไม่ใช่เรื่องง่าย การทำให้ทุกคนมีความรู้สึกพอใจเป็นเรื่องยาก ดังนั้น วันนี้อย่าเพิ่งเชื่อข่าวลือว่าจะไปยุบโน่นนี่ รัฐบาลจะทำให้เป็นระบบขึ้น ให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยการใช้จ่ายงบประมาณรัฐบาลได้คิดลงรายละเอียดแผนงานระยะยาวเพื่อให้รู้อนาคตของเกษตรกร การใช้ที่ดิน การบริหารจัดการน้ำ การค้าขาย เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้
“ผมไปประชุมที่ต่างประเทศหลายการประชุมด้วยกัน เขาพูดถึงอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า 20 ปีข้างหน้าโลกจะเป็นอย่างไร โลกจะเป็นอย่างไร ประชาคมโลกต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าเรายังมัวขัดแย้งกันอยู่นี้เราไปตรงนั้นไม่ได้ แล้วเราก็จะเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง แวดล้อมทั้งหมดด้วยประเทศที่เขามีระดับต่าง ๆ ยกขึ้นมาแล้ว ทั้งรายได้ ทั้งประชาชน ทั้งอะไรต่าง ๆ วันนี้เราต้องลดความขัดแย้งให้ได้ หนักนิดเบาหน่อยต้องอดทนกัน แล้วก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน ผมไม่ใช่คนที่ก้าวร้าวหรือชอบความรุนแรง ไม่ใช่ เห็นตัวตนผมวันนี้แล้ว แล้วผมก็เจ็บปวดทุกครั้งเวลาที่ต้องมามีปัญหาอะไรกับพวกท่านทั้งหลาย ประชาชน ไม่เคยคิดเลย ไม่เคยคิดทั้งสิ้น วันนี้ผมมาเอาหัวใจเต็มร้อยมา ผมก็คาดหวังว่าผมจะได้หัวใจจากพวกเรากลับไปให้ผมเกินร้อย ให้ผมได้ไหมครับ เราสัญญากันแล้วกัน สัญญากันว่าเรากับรัฐบาลหรือทหาร หรือใครก็แล้วแต่ ข้าราชการทั้งหมด จะต้องขับเคลื่อนประเทศไทยไปให้ได้ในทุกมิติ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ รายได้ การเข้าถึงกฎหมาย และในเรื่องของการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งหมดแก้ทุกอัน แล้วเวลาเราก็มีจำกัด ต้องช่วยกัน ถ้ายังขัดแย้งกันอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องที่ดินว่า รัฐบาลกำลังหาทางทำให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องที่ดินทั้งระบบ สำหรับผู้ที่มีที่ดินอยู่แล้วก็อย่าเพิ่งไปขายเพราะวันนี้ที่ดินราคาต่ำ รวมทั้งรัฐบาลกำลังช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และเกษตรกรสวนยาง โดยขอให้ซื่อสัตย์ต่อกัน รัฐบาลจะได้จ่ายเงินชดเชยให้เงินถึงมือเกษตรกรโดยเร็ว แต่ทุกคนต้องอยู่ด้วยความพอเพียงเพราะรัฐบาลช่วยได้ระยะหนึ่ง โดยขอให้ร่วมมือกับรัฐบาลสร้างความเข้มแข็ง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ให้ผลิตผลของเราดีขึ้น รวมถึงทำเรื่องตลาดและการส่งออกต่างประเทศ ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่มีเวลาที่จะมาต่อสู้หรือขัดแย้งกับใครได้อีก เพราะมีเวลาจำกัด ถ้าใครมีอะไรปัญหาอะไรขอให้ส่งเข้ามาที่ศูนย์ดำรงธรรม โดยบางเรื่องต้องใช้เวลา ต้องใช้กฎหมาย รัฐบาลพร้อมช่วยดูแล และขอฝากถึงประชาชนทุกคนว่าขอให้ให้กำลังใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานด้วย ทั้งนี้ ขอให้เลิกเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่าให้เกิดขึ้นในพื้นที่โดยเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ อบต. อบจ. ประชาชนทุกคนที่เป็นกำลังสำคัญของรัฐบาล เป็นกลไกของรัฐด้วยการสร้างความเข้าใจใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ โดยขอให้ทุกฝ่ายสื่อสารเข้าหากันด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัย อย่าหงุดหงิดใส่กัน ขอให้ช่วยกันเพราะวันนี้ประเทศชาติต้องการความรักความสามัคคี โดยในเรื่องประชาธิปไตยเรื่องรัฐธรรมนูญนั้นผู้ที่มีหน้าที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง วันนี้รัฐบาลทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายอยู่ข้างบนให้ต่อลงไปถึงผู้ปฏิบัติ คือผู้ว่าราชการจังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ร่วมกับ กอ.รมน. และทุกฝ่ายให้ขับเคลื่อนข้างล่างให้ได้ เพื่อให้เม็ดเงินงบประมาณทุกบาทของทุกกระทรวงเดินหน้าได้โดยไร้การทุจริตให้จับต้องได้ในพื้นที่ และการลงพื้นที่ในวันนี้มาด้วยกำลังใจเต็มร้อย ทั้งนี้ ไม่มีใครที่จะทำให้คนรักได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่พยายามทำให้คนพอใจมากที่สุดโดยไม่เสียประโยชน์ส่วนรวมของคนทั้งประเทศ และขอให้ความตั้งใจร่วมมือกันทำงานในวันนี้ทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง โดยต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งให้เวลาในการแก้ปัญหาด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชนเป็นสำคัญ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีโบกธงปล่อยขบวนคาราวานเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ที่ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล รถเป่าล้างทำความสะอาด และรถผลิตน้ำดื่ม ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มณฑลทหารบกที่ 23 การประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งของประชาชน ใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด พร้อมมอบนโยบายในการเตรียมการแก้ปัญหาภัยแล้ง ณ ห้องประชุมพระธาตุขามแก่น ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th