นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจแก่นักธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้ พร้อมย้ำ ไทยยังมีพื้นที่และโอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนเกาหลีอีกมาก

ข่าวทั่วไป Thursday December 11, 2014 10:08 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับภาคธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้ ระหว่างรับประทานอาหารเช้า (Working Breakfast) พร้อมย้ำว่า รัฐบาลส่งเสริมให้ภาคเอกชนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมาก และ ไทยยังมีพื้นที่และโอกาสให้เกาหลีใต้ลงทุนได้อีกมาก โดยภาคเอกชนเกาหลีต่างให้ความสนใจที่จะเริ่มต้นและขยายการลงทุนในโทยมากขึ้นและเห็นว่าไทยมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ

วันนี้ (11 ธ.ค. 57) เวลา 07.00 น. ณ โรงแรมที่พัก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับภาคธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้ ระหว่างรับประทานอาหารเช้า (Working Breakfast) โดยวันนี้ มีผู้เข้าร่วมจากภาคธุรกิจเกาหลี ได้แก่ ผู้แทนองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนของประเทศเกาหลีใต้ (Korean Trade and Investment Promotion Agency: KOTRA) บริษัท K-water บริษัท Lotte Hotel & Resort ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรม รีสอร์ทและร้านค้าปลอดภาษีชั้นนำ บริษัท Hana Tour Service ซึ่งเป็นบริษัททัวร์อันดับ 1 ของเกาหลี บริษัท LG Electronics บริษัท KORAIL ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการด้านคมนาคมและระบบรถไฟ บริษัท Samsung บริษัท Hyundai Motor และบริษัท POSCO ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เป็นต้น

สำหรับการหารือ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อธิบายถึงสถานการณ์การเมืองไทย เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ประเทศไทยว่ามีความสงบและมีความมั่นคง โดยขณะนี้ ต้องการเวลาเพื่อพัฒนาไปสู่เสถียรภาพทางการเมืองที่ยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เพราะยังใช้โอกาสไม่เต็มศักยภาพ และย้ำว่า ไทยยังมีพื้นที่และโอกาสให้เกาหลีใต้ลงทุนได้อีกมาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อุตสาหกรรมเกาหลีมีความโดดเด่น โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและพลังงานทดแทน และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไทยเองเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญในอาเซียน และมีศักยภาพที่จะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ให้แก่เกาหลีได้ เพราะไทยมีความพร้อมทั้งแง่ปัจจัยพื้นฐาน ตลาดและความนิยมเกาหลี อีกทั้ง รัฐบาลส่งเสริมให้ภาคเอกชนต่างประเทศเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยให้ความสำคัญ เช่น การบริหารจัดการขยะ พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีดาวเทียม

นอกจากนี้ ไทยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสัมปะหลัง ซึ่งเกาหลีมีศักยภาพด้านเทคโนโลยี ช่วยพัฒนาให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มและขยายโอกาสด้านการตลาดให้แก่ไทยได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ภาคธุรกิจเกาหลีช่วยผลักดันการเปิดตลาดเพิ่มเติมให้แก่สินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะเนื้อไก่ ผลไม้ ข้าว ยางพารา ซึ่งได้มีนักเกาหลีสนใจที่จะแปรรูปผลไม้ โดยเฉพาะมะม่วงไทย เพราะมีรสชาติดี

นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่า ภาคเอกชนเกาหลีสามารถใช้บริการสำนักงานส่งเสริมการลงทุนทีกรุงโซลได้ และไทยจะตั้งทีมงานเพื่อสนับสนุนนักลงทุนเกาหลีเป็นการเฉพาะอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดน นายกรัฐมนตรีอยากให้เกาหลีเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน รวมถึงโครงการทวาย ซึ่งการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการส่งเสริมพิเศษ และสามารถเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศพื้นบ้านได้ โดยระยะแรกจะตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 แห่ง ใน 18 จังหวัด เชื่อมโยงกับเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย โดยสามารถจ้างแรงงานท้องถิ่นและใช้วัตถุดิบในพื้นที่ได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับบทบาทเกาหลีในภูมิภาคนี้ โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้เกาหลีส่งคณะผู้แทนภาคธุรกิจเยือนไทย เพื่อพบปะหารือเบื้องลึกกับฝ่ายไทยและดูสถานการณ์จริงในประเทศ

ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไทยมีแผนที่จะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านคมนาคมอย่างครอบคลุม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ และทราบว่าเกาหลีสนใจในโครงการพัฒนาระบบรางของไทย ซึ่งไทยมีแผนหลักใน 3 รูปแบบ คือ 1. สร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟเดิม 2. สร้างรถไฟเส้นทางขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ซึ่งมีความเร็วปานกลาง 160 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง และ 3.สร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นแผนระยะต่อไป ทั้งนี้ ไทยเคยลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระบบราง จึงจะใช้กลไกนี้หารือกันต่อไป

สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำ ไทยทราบดีว่า บริษัท K-water มีองค์ความรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำ อย่างไรก็ดี รัฐบาลกำลังทบทวนและปรับแผนงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการศึกษาดังกล่าวใกล้จะเสร็จแล้วและเมื่อมีความชัดเจนจะแจ้งให้ฝ่ายเกาหลีทราบ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นอื่นๆที่อยู่ในความสนใจของภาคเอกชนเกาหลี อาทิ นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจว่ายังไม่มีการปรับเปลี่ยน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และรัฐบาลจะไม่ดำเนินการใดๆที่จะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนของต่างชาติ แต่จะอำนวยความสะดวกและปรับสิทธิประโยชน์ของ BOI ให้เหมาะสมและมีความจูงใจ และจะมีการพิจารณาผ่อนปรนให้มัคคุเทศก์ชาวเกาหลีทำงานในไทยได้ชั่วคราว เป็นต้น ซึ่งภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรี ภาคเอกชนเกาหลีมีความมั่นใจต่อการลงทุนในไทยและได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น

นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ภาคธุรกิจเกาหลีในประเทศไทย ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและแรงงานไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสบการณ์และขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี ของบุคลากร เช่น ทุนการศึกษาด้านอาชีวะศึกษา การฝึกงานในโรงงานต่าง เพื่อยกระดับความสามารถของแรงงานขึ้นสู่ระดับหัวหน้างานต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีย้ำ การทำงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างโปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอรัปชั่น และพร้อมจะดำเนินการ หากมีการเรียกร้องผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ