พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความต้องการแรงงานและการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ มาหารือเพื่อเสนอข้อมูลความต้องการด้านแรงงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเรื่องจำนวนแรงงานที่ขาด ซึ่งต้องพัฒนาแรงงานไทยให้มีคุณภาพ เพิ่มมูลค่าการผลิตเพื่อให้สามารถทำงานได้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยากได้นักเรียน นักศึกษาอาชีวะที่จบออกมาแล้วสามารถทำงานได้เลย โดยตกลงกันว่าระหว่างที่กำลังเรียนก่อนจบให้เด็กสามารถเข้าไปฝึกงานในสถานประกอบการได้ และเมื่อเรียนจบแล้วสามารถทำงานต่อได้เลย ซึ่งช่วงฝึกงานเด็กก็มีค่าตอบแทนพิเศษด้วย ทั้งนี้ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย จะเป็นตัวกลางช่วยการประสานให้ ส่วนความต้องการแรงงานผู้ประกอบการต้องการให้แยกเป็นประเภทอุตสาหกรรม การขาดแคลนแรงงานต้องมองในระยะยาว วันนี้ยังไม่มีใครรู้ชัดเจน อยู่ที่ความสามารถของการทำงาน วันนี้ยังไม่ได้ขาดแคลน ถ้าเศรษฐกิจขยายตัว แรงงานก็ต้องเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลจากเดือนที่ผ่านมาพบว่า แรงงานไทยว่างงานอยู่ที่ 0.5 ซึ่งต่ำสุดในอาเซียน เนื่องจากคนไทยหางานทำด้วยตนเองง่าย
“วันนี้เป็นการคุยเพื่อรู้ปัญหาร่วมกัน ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะสั้นจะตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงแรงงาน ภาคอุตสาหกรรม สภาหอการค้าฯ ซึ่งมีหลายคณะ ส่วนคณะทำงานนำเข้าแรงงานต่างด้าวให้ปลัดกระทรวงเป็นประธาน และมีผู้แทนกรม ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังวิเคราะห์ว่าการนำเข้าแรงงานต่างด้าว 3 ประเทศเพียงพอหรือไม่ โดยต้องหาข้อมูลที่เป็นจริงก่อน คงต้องตั้งคณะทำงานเพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าว แต่ต้องมีผู้แทนจากภาคเอกชนเข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมกันเพื่อให้ทำงานเร็วขึ้น เพราะความเจริญของภาคธุรกิจ คือความเจริญของประเทศ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านผู้แทนจากภาคกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรและโลหะการ พลาสติก เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักรฯ การเกษตร ไฟฟ้าฯ เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ การพิมพ์ฯ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น ให้ความเห็นว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเนื่องจากการขาดการวางแผนกำลังคน การขาดแคลนแรงงานยังไม่มีการแยกประเภทตามกลุ่มอุตสาหกรรม ขาดการพยากรณ์ความต้องการของตลาด ไม่ได้คำนึงถึง Productivity โดยการใช้เทคโนโลยี แรงงานขาดทักษะฝีมือ ขาดผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ระบบการศึกษาของไทยไม่ตอบสนองตลาดแรงงานและผู้ประกอบการ ซึ่งต้องพัฒนาแรงงานควบคู่กับการฝึกงานในขณะศึกษา ขณะที่สภาพัฒน์ฯ ให้ความเห็นว่า การประมาณการของโมเดลด้านแรงงานต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นด้วย เช่น โครงสร้างประชากรและเทคโนโลยี ทั้งนี้กระทรวงแรงงานจะนำข้อมูลดังกล่าวไปศึกษารายละเอียดเพื่อตั้งคณะทำงานพิจารณานำเข้าแรงงานต่างด้าว โดยให้ภาคเอกชนเข้าร่วมเพื่อกำหนดความต้องการแรงงานตามระบบ Demand – Supplier ต่อไป
กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th