กระทรวงศึกษาธิการ : การเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษา

ข่าวทั่วไป Monday January 5, 2015 16:03 —สำนักโฆษก

พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้รายงานให้ทราบถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษา

เป้าหมายการรับผู้เรียนอาชีวศึกษา

สอศ.ได้ตั้งเป้าหมายการรับผู้เรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญไว้ดังนี้

ปี 2558 คือ 41 : 59

ปี 2559 คือ 45 : 55

ปี 2560 คือ 50 : 50

โดยในปี 2558 คาดว่านักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปี 2557 จะศึกษาต่อในปี 2558 จำนวน 774,573 คน นักเรียนที่เข้าศึกษาต่อร้อยละ 90 คิดเป็น 697,115 คน ในสัดส่วนอาชีวะ : สามัญ อยู่ที่ 41 : 59 (อาชีวะ 285,817 คน สามัญ 411,298 คน)

ชุมแพโมเดล

สอศ.ได้พัฒนารูปแบบ “ชุมแพโมเดล” ในการแนะแนวการเรียนรู้สู่อาชีพเพื่อเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวะ : สามัญ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 กับวิทยาลัยการอาชีพชุมแพ และภาคีเครือข่าย จากการใช้ชุมแพโมเดล ส่งผลให้มีการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาในปี 2557 เป็น 51.63 : 43.57

ผลการสำรวจความพึงพอใจ จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อรูปแบบ “ชุมแพโมเดล” พบว่ามีความพึงพอใจระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 87 ระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 10 และระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3 สำหรับความพึงพอใจของนักเรียน มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 94 และระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 6

การแนะแนวเชิงรุก ได้มีการนำนักเรียนไปรับการแนะแนวจากสถานศึกษาที่เปิดสอนระดับอาชีวศึกษาโดยตรง รวมทั้งได้แนะแนวผู้มีอิทธิพลสูงสุดต่อการตัดสินใจศึกษาต่อของนักเรียนว่าจะไปทางสายอาชีพหรือสามัญ ซึ่งก็คือผู้ปกครองนั่นเอง ผู้ปกครองจึงต้องได้รับการแนะแนวร่วมกับนักเรียนด้วย นอกจากนี้ ครูที่ปรึกษาก็นับเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสำหรับนักเรียนอีกด้วย

การทำให้นักเรียนเห็นสภาพจริงทั้งอาชีพ ตำแหน่งงาน รายได้ และความมั่นคงในชีวิต โดยการสร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการที่หลากหลายจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง

การดูแลนักเรียนที่ศึกษาต่อสายอาชีพ

สถานศึกษาที่เปิดสอนอาชีวศึกษาต้องมีปฏิสัมพันธ์ สื่อสาร ให้ข้อมูลกับเด็กและผู้ปกครอง รวมถึงครูที่ปรึกษาเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่านักเรียนกลุ่มเป้าหมายจะรายงานตัวและลงทะเบียนเรียน จึงจะถือว่าสิ้นสุดกระบวนการแนะแนว

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอให้ช่วยกันดูแลนักเรียนที่ออกนอกระบบ เพื่อนำกลับเข้ามาอยู่ในระบบให้ได้ ทั้งนี้ ให้ สอศ.เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ นิเทศ แนะแนว เพื่อให้เด็กได้รับทราบข้อมูล รวมทั้งการดำเนินงานในอนาคตที่ต้องมีหน่วยงานร่วมกันคิดกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการวางแผนผลิตกำลังคนในทุกระดับที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งคิดเชิงระบบในการพัฒนาทักษะด้านแรงงานด้วย

นงศิลินี โมสิกะ

สรุป/รายงาน

30/12/2557

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ