เอสเอ็มอีแบงก์ เร่งแก้ปัญหา NPLs แบบเบ็ดเสร็จ และเร่งรัดคดีความ เดินหน้าตามนโยบายซุปเปอร์บอร์ด

ข่าวทั่วไป Monday January 19, 2015 15:10 —สำนักโฆษก

เอสเอ็มอีแบงก์ ลุยแก้ปัญหา NPLs โดยเปิดประมูลขายลูกหนี้เป็นกองย่อยๆ ตามพื้นที่ของหลักทรัพย์ รวมทั้งจ้างบริษัทติดตามลูกหนี้ รวมเป็นเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท จาก ยอด NPLs ที่มีอยู่ 31,960 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 ส่วนที่เหลือ จะใช้วิธีปรับโครงสร้างหนี้ และบางส่วนจะขอชดเชยจากกระทรวงการคลัง

ในวันนี้ (19 มกราคม 2558) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไข NPLs และการเร่งรัดคดีความ โดย นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคาร และนายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการ ร่วมแถลงข่าว

ด้านความคืบหน้าการแก้ไข NPLs ธนาคารได้คัดเลือกลูกหนี้ NPLs ที่มีหลักประกันโดยได้มีการสำรวจความชัดเจนว่าลูกหนี้ไม่ได้ดำเนินกิจการแล้ว และไม่อยู่ในสถานะที่จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ ธนาคารจึงมีนโยบายให้เปิดประมูลขายลูกหนี้เป็นกองย่อย ๆ วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท ซึ่งในเดือน ธันวาคม 2557 ได้เปิดขายกองแรกแล้วเป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกันอยู่ในภาคตะวันออก โดยกำหนดวงเงินไว้ 500 ล้านบาท ต่อมาลูกหนี้บางรายได้ขอประนอมหนี้จึงได้มีการตัดลูกหนี้ที่เจรจาได้ออกเหลือยอดหนี้คงค้างของกองหนี้ภาคตะวันออก ที่นำออกประมูลขายเป็นจำนวนเท่ากับ 316 ล้านบาท โดยขณะนี้สิ้นสุดระยะประมูลขายแล้ว มีบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) หลายรายให้ความสนใจซื้อซองและยื่นข้อเสนอราคา ซึ่งธนาคารได้เปิดซองประมูลแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2558 ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดกับ AMC ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด

นอกจากนี้ ธนาคารได้ออกประกาศประมูลขายหนี้ NPLs ประเภทเช่าซื้อ และลิสซิ่ง เช่น รถแท็กซี่ (แท็กซี่ในโครงการเอื้ออาทร และไทยเข้มแข็งที่มีมาในอดีต) รถตู้ รถบัส หัวลาก หรือหางลาก เครื่องจักรและเรือ วงเงินรวมประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยได้ให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล สามารถเข้าตรวจสอบรายละเอียดได้ตั้งแต่วันที่ 16 - 29 มกราคม 2558 และสามารถให้ยื่นเสนอราคาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558

สำหรับในส่วนของลูกหนี้ NPLs รายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน วงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท ธนาคารได้คัดเลือกบริษัทเอกชน 5 ราย ให้ดำเนินการเป็นผู้เรียกเก็บหนี้แทน ขณะนี้ทำสัญญาแล้ว 1 ราย คือ บริษัทเงินสดทันใจ ซึ่งธนาคารเปิดโอกาสให้ลูกหนี้รายย่อยเหล่านี้ได้เจรจากับบริษัทผู้แทนของธนาคาร ดังเช่น ลูกหนี้ที่บังคับคดีแล้วได้ร่วมกับกรมบังคับคดีเข้ามาเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ย ในเดือนธันวาคม 2557 ธนาคารสามารถเจรจากับลูกหนี้กลุ่มนี้ในเขตกรุงเทพและจังหวัดเชียงรายได้เป็นผลสำเร็จกว่า 500 ราย เป็นวงเงินประมาณ 300 ล้านบาท ทำให้ลูกหนี้รายย่อยไม่ถูกฟ้องล้มละลาย และมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่

สำหรับ NPLs ที่เหลืออีกประมาณ 16, 000 ล้านบาท จะใช้วิธีเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งธนาคารมีอัตราเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะดำเนินการ และเชื่อว่าอยู่ในข่ายที่จะเจรจากันได้ เพราะธนาคารได้สำรวจแล้วว่าลูกหนี้กลุ่มนี้ยังดำเนินธุรกิจอยู่ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่น่าจะดีขึ้น จะช่วยให้การเจรจาสามารถเป็นไปได้มากขึ้น โดยในจำนวนลูกหนี้ NPLs ในกลุ่มนี้มีบางส่วนซึ่งเป็นลูกหนี้รายย่อยตามโครงการ PSA ธนาคารก็จะพยายามเจรจาปรับโครงสร้างหนี้เช่นเดียวกัน หากเจรจาไม่ได้ก็จะขอเบิกชดเชยจากกระทรวงการคลัง

ด้านความคืบหน้าการฟ้องร้องดำเนินคดี ตามที่ซุปเปอร์บอร์ด ได้ให้ธนาคารเร่งดำเนินการนั้น ขณะนี้ธนาคารได้จำแนกเป็น 2 ประเภท คือ 1. การฟ้องร้องกับบุคคลภายนอกและอดีตพนักงาน ผู้บริหาร ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนร่วม ในการทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นแก่ภาครัฐและธนาคาร มีคดีถึงที่สุดแล้วอยู่ระหว่างการบังคับคดีกับผู้กระทำผิด 4 เรื่อง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอีก 6 เรื่อง และยังจะมีการฟ้องร้องเพิ่มอีกด้วย ซึ่งธนาคารได้เชิญที่ปรึกษากฎหมาย และ ทีมงานที่เป็นทนายจากภายนอกเข้ามาช่วยดูแลแล้วในเดือนธันวาคม 2557 จึงเชื่อว่า กระบวนการฟ้องร้องของธนาคารจะกระทำได้เร็วขึ้นมาก และรัดกุมไม่เสียเปรียบ 2. การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับพนักงานที่อยู่ในข่ายกระทำความผิด เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วในแต่ละกรณีก็จะตั้งคณะกรรมการลงวินัยตามระเบียบของรัฐวิสาหกิจต่อไป ขณะนี้มีเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งสิ้น 19 กรณี จำแนกเป็นการกระทำผิดทางด้านสินเชื่อ 6 เรื่อง ด้านร่วมลงทุน 2 เรื่อง ด้านการดำเนินงานที่ขัดนโยบาย 4 เรื่อง และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการทำผิดระเบียบธนาคารอีก 7 เรื่อง เพื่อให้การสอบสวนสามารถกระทำได้เร็วขึ้น และมีความโปร่งใส เป็นธรรม ธนาคารได้เชิญหน่วยงานของรัฐที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วย เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) นอกจากนั้น ยังแต่งตั้งคณะทำงานช่วยเร่งรัดและพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และ ผู้แทนจากกรมพระธรรมนูญทหาร และ อดีตผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ จากธนาคารแห่งประเทศไทย

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม โทร.02-265-4564-5

ที่มา : กระทรวงการคลัง

ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ