วันนี้ เวลา 14.00 น. นายเปเตอร์ ยาค็อบ (P?ter Jakab) เอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล สรุปดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฮังการี กลับสู่ประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งในประเทศไทย และมีความคุ้นเคยกับประเทศไทยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตฯจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง ก้าวหน้าและมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวขอบคุณที่เอกอัครราชทูตฯมีความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากฮังการีเคยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเช่นกัน
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและฮังการีมีความสัมพันธ์กันมายาวนานกว่า 100 ปี นับแต่ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯประพาสยุโรป และมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกว่า 40 ปี โดยในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องการให้มีการแสวงหาช่องทางความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันมากทั้งในภาครัฐและเอกชน
ด้านความร่วมมือทางการค้า เอกอัครราชทูตฮังการีได้รายงานว่า ในปีที่ผ่านมา การค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศขยายตัวร้อยละ 2 และเห็นว่า ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อีก โดยฮังการีมองไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ในขณะที่ไทยมองฮังการีเป็นศูนย์กลางของยุโรปกลาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ฮังการีเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าให้แก่ไทยในยุโรปกลาง โดยเฉพาะ สินค้าเกษตร อาหารแปรรูปและอาหารสำเร็จรูปของไทย ในขณะเดียวกัน ไทยสามารถช่วยกระจายสินค้าจากฮังการีให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียนได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ฮังการีช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนในฮังการี และย้ำว่า ต้องการให้ไทย-ฮังการี มีการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจโดยเร็ว ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ จะเร่งรัดให้มีการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 ภายในต้นปีนี้
ด้านการลงทุน ไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเกษตร พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้วย นอกจากนี้ ฮังการียังสามารถใช้ประโยชน์จากการสร้างความเชื่อมโยงของเส้นทางคมนาคมของไทยที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านไปสู่จีน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอีก 5 แห่ง ซึ่งสามารถค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น
ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียินดีที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวจากฮังการีเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายประสงค์ที่จะขยายการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปีนี้ ไทยส่งเสริมให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย
ความร่วมมือด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ เนื่องจากฮังการีมีความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ไทยจึงอยากสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ระหว่างกัน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์
โดยภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรียังได้เชิญชวนให้เอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทยเยี่ยมชมนิทรรศการตลาดกล้วยไม้ไทยบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาลด้วย
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th