วันนี้ (27 ม.ค. 58) เวลา 15.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพราะฉะนั้นจะมีผลกับเงินทุนจากยุโรปไหลเข้ามาเอเชียค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และระบบเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งน่าลงทุน จึงมีความมั่นใจคาดว่าน่าจะมีเม็ดเงินจำนวนหนึ่งไหลเข้ามาในประเทศไทย นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันติดตามตรวจสอบการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการเก็งกำไรค่าเงินดังกล่าว เพื่อหาแนวทางและมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต่อผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งประชาชนเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยพ่อค้าแม่ค้าต่าง ๆ โดยแจ้งให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบว่ารัฐบาลมีความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าว จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันดูแล นอกจากมาตรการที่รัฐบาลได้เคยช่วยเหลือไปแล้วในประเด็นเรื่องการจ้างงาน การให้เงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพเสริมในพื้นที่ที่ไม่จัดน้ำสำหรับการทำนาปรังในลุ่มน้ำเจ้าพระและลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งการให้ความช่วยเหลือกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังมีมาตรการอื่น ๆ อีกหรือไม่ที่แต่ละกระทรวงสามารถที่จะขับเคลื่อนออกมาได้ ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า นายกรัฐมนตรี ได้นำร่องเป็นตัวอย่างให้โดยการจัดโครงการตลาดกล้วยไม้คุณภาพบริเวณถนนข้างทำเนียบรัฐบาล รวมถึงมีโครงการจะเปิดตลาดน้ำริมคลองผดุงกรุงเกษม เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นตัวอย่างให้หน่วยงานที่เกี่ยวได้ไปข้องสนับสนุนและนำไปขยายผลดำเนินการต่อทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่ต่างจังหวัดต่อไป เช่น อาจจะจัดเป็นตลาดกล้วยไม้ ตลาดข้าวออร์แกนนิค ตลาดพืชผักผลไม้ออร์แกนนิค เป็นต้น เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพหลักลงไปตรวจสอบราคาสินค้า ถึงแม้สินค้าอุปโภคบริโภคจะมีราคาที่ลดลงแล้ว โดยฝากอย่าเชื่อตัวเลขเพียงอย่างเดียวแต่ให้ลงไปตรวจสอบในตลาดที่มีการจำหน่ายจริงอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถที่จะจับจ่ายซื้อหาสินค้าอุปโภคบริโภคได้ในราคาเหมาะสมเป็นธรรม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อกรณีการบริหารงบประมาณเพื่อให้เกิดการจ้างงานและ สร้างรายได้ ทั้งในส่วนของงบลงทุน งบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมอบหมายให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เร่งดำเนินการผูกพันงบประมาณ และเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเม็ดเงินที่ได้ดำเนินการไป
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายผ่านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฝ่าย คสช. ให้ใช้ทหารทุกเหล่าทัพช่วยตรวจสอบและขับเคลื่อนเรื่องนี้อีกทางหนึ่งด้วยว่าติดอุปสรรคปัญหาในเรื่องใด และมีการทุจริตประพฤติมิชอบในส่วนใดบ้าง เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุดและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องที่ได้รับข้อมูลจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางมาประเทศไทยของนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต่อที่ประชุมฯ ว่า ข้อมูลบางส่วนที่ได้มีการนำเสนอต่อสังคมทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าสหรัฐฯ กดดันและไม่เห็นชอบตามแนวทางที่รัฐบาลปฏิบัติอยู่ ความจริงไม่ใช่เป็นบรรยากาศเช่นนั้น และการแสดงท่าทีของสหรัฐฯ เป็นไปตามบทบาทของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่ต้องแสดงบทบาทและจุดยืนแบบนั้น ซึ่งหลังจากที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับฟังคำชี้แจงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็มีความเข้าใจในสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทย และมีความเข้าใจในบทบาท ภารกิจหน้าที่และสิ่งที่ คสช.และรัฐบาลได้ดำเนินการไป
ส่วนในประเด็นของกฎหมายพิเศษซึ่งหมายถึงกฎอัยการศึกซึ่งนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ต้องการให้ยกเลิกนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการถามกลับไปว่า ถ้าสถานการณ์ประเทศสหรัฐฯ เป็นแบบสถานการณ์ในประเทศไทย โดยมีปัจจัยและปัญหาแบบนี้ รวมทั้งมีข้อจำกัดในลักษณะแบบนี้ ถ้าไม่มีกฎหมายดังกล่าวสหรัฐฯ จะแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งทางนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ก็ไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้ขอเวลาที่จะไปศึกษาข้อมูลและรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะประเทศสหรัฐฯ ไม่เคยประสบกับปัญหาในลักษณะแบบนี้มาก่อน ขณะเดียวกันผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็รับฟังข้อมูลจากทุกทางและมีดุลยพินิจที่จะพิจารณาได้ว่าอะไรเป็นข้อมูลที่รับฟังได้ อะไรเป็นข้อมูลที่ฟังเพื่อประกอบการพิจารณา เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นการแสดงจุดยืนของรัฐบาลที่มาจากการควบคุมอำนาจแต่ได้ให้สิทธิเสรีภาพกับทุกฝ่ายในการที่จะพูดคุยกับคนต่างประเทศที่เข้ามาสอบถามข้อมูล ทั้งนี้มั่นใจได้ว่าประเทศสหรัฐฯ มีหน่วยงานทางด้านข้อมูลข่าวสารที่จะรับข้อมูลในประเทศและใช้ประกอบการพิจารณาต่อกรณีดังกล่าวได้ นายกรัฐมนตรี จึงมีความมั่นใจว่าสิ่ง ต่าง ๆ ทั้งหมดที่รัฐบาลและคสช. ได้ดำเนินการมาเป็นแนวทางที่ประชาชนในประเทศไทยมีความสุข ยอมรับได้ และรอคอยวันที่หน้าที่ต่าง ๆ ของรัฐบาลและคสช.หมดภารกิจก่อนเข้าสู่การจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ไปตรวจสอบในหลายเรื่อง เช่น เรื่องเกี่ยวกับองค์การสวนสัตว์ และเรื่องการจัดซื้อโคมไฟหรือหลอดไฟฟ้า LED ของกระทรวงคมนาคม การจัดซื้อจัดจ้างการสร้างอาคารของหน่วยงานที่กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับผิดชอบ ฯลฯ ซึ่งปรากฏว่ามีการขออนุมัติในการที่จะเพิ่มวงเงิน และมีการขอแก้แบบ ตลอดจนขอผูกพันงบประมาณให้มีจำนวนปีในการก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการได้แต่ขอให้เป็นบรรทัดฐานในโอกาสต่อไปถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th