วันนี้ (29 ม.ค. 58) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล นายญาน ทุน รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงไทย-เมียนมาการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JHC) ระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2558
โดยการประชุมครั้งนี้ นับเป็นการประชุม JHC และการประชุมร่วม 3 ฝ่ายกับญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญของโครงการทวาย และแสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและเมียนมา
ภายหลังการหารือ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรองประธานาธิบดีเมียนมา โดยได้ฝากความปรารถนาดีถึงนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมา ซึ่งประธานาธิบดีเมียนมา ได้ฝากความระลึกถึงนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นว่า ในช่วงเวลานี้ ความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา มีความแน่นแฟ้นและใกล้ชิดกันมากที่สุด พร้อมยืนยันที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาความเชื่อมโยงและพื้นที่ชายแดน โดยไทยย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาในอาเซียนที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งระหว่างประเทศสมาชิก
สำหรับการพัฒนาความเชื่อมโยงและพื้นที่ชายแดน ไทยให้ความสำคัญและสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความมั่นคงและการพัฒนาของไทยและเมียนมาร์ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า มี 3เส้นทางยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ 1) แม่สอด – เมียวดี 2) สิงขร – มอต่อง 3) พระเจดีย์สามองค์ – พญาตองซู โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า การเปิดเส้นทางเหล่านี้ ไม่ใช่การกำหนดเส้นเขตแดน ไม่อยากให้เป็นอุปสรรคต่อการค้าขาย ซึ่งทางเมียนมาเห็นด้วยและรับที่จะไปพิจารณาบางจุดตามที่ไทยเสนอเพิ่มเติม
ในโอกาสนี้ เมียนมาได้แสดงความขอบคุณที่ไทยช่วยซ่อมสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และจะสนับสนุนความช่วยเหลือทางการเงินในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งที่ 2 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นว่า เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ
สำหรับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เมียนมากล่าวว่า โครงการนี้ มีความสำคัญกับเมียนมาและประเทศในภูมิภาคนี้ เนื่องจากจะเป็นประตูทางทิศตะวันตกจากเมียนมา-ไทย ไปสู่โฮจิมินห์และพนมเปญได้ในอนาคต ซึ่งไทยได้ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะร่วมมือกับเมียนมาอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้คืบหน้าโดยเร็ว โดยเฉพาะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนเชื่อมโยงระหว่างบ้านน้ำพุร้อน-ทวาย โดยนายกรัฐมนตรีจะหยิบยกเรื่องนี้หารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือน ก.พ. นี้ ด้วย
ด้านการประมง นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ไทยและเมียนมามีความร่วมมือกันในเรื่องนี้มากขึ้น โดยอาจร่วมทุนกันจัดตั้งกองเรือประมงเพื่อร่วมหาปลาในเขตสัมปทาน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเรื่องแหล่งประมง ซึ่งฝ่ายเมียนมาเห็นด้วยว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ โดยอาจต้องมีการกำหนดเรื่องการจับปลา รวมทั้งการกำหนดราคาร่วมกัน
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่สองประเทศเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น อย่างไรก็ดี ไทยเห็นว่ายังสามารถขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันได้อีก โดยในปีนี้ ไทยเน้นการท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งไทยจะส่งรายละเอียดให้กับเมียนมา เพื่อให้เมียนมาสามารถมาเชื่อมโยงกับไทยได้ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาผลผลิตทางการเกษตรและยางพารา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงกังวลและอยากให้มีความร่วมมือระหว่างกันเพื่อช่วยกันวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำในอนาคต
สำหรับความร่วมมือด้านแรงงาน ไทยขอให้เมียนมาช่วยเร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงาน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีแรงงานเมียนมามาลงทะเบียนไว้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่การพิสูจน์สัญชาติยังไม่คืบหน้ามากนัก ซึ่งฝ่ายเมียนมาจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการออกใบรับรองชั่วคราวให้ก่อน
ในตอนท้าย รองประธานาธิบดีเมียนมาได้กล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีและเห็นว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีความก้าวหน้ามากขึ้นตั้งแต่ครั้งที่นายกรัฐมนตรีได้ไปเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th