รองนรม. นายวิษณุฯ เป็นประธานในการแถลงข่าว เรื่อง พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

ข่าวทั่วไป Wednesday February 4, 2015 17:24 —สำนักโฆษก

รองนรม. เผยว่า พ.ร.บ.นี้ จะลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และเกิดการปฏิรูประบบราชการ ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการรับบริการด้วยจิตสาธารณะจากเจ้าหน้าของรัฐ

วันนี้ (4 ก.พ. 58) เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เรื่อง “พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558” โดยมีนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการ ก.พ.ร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ก.พ.ร. ร่วมแถลงข่าวด้วย ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปความว่า พระราชบัญญัติฉบับนี้เปรียบเสมือนกฎหมายกลางที่จะกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต การจัดให้มีช่องทางในการรับคำขอ ณ จุดเดียว และให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตกับประชาชน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระให้กับประชาชนในการขอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาในการปฏิรูประบบราชการได้มีความพยายามที่จะพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ไปสู่การให้บริการประชาชนที่รวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม มีคุณภาพ ราคาถูก แต่ก็ยังพบว่าปัจจุบันมีกฎหมายว่าด้วยการขออนุญาตจำนวนมาก กำหนดให้การประกอบกิจการของประชาชนต้องผ่านการอนุมัติ การอนุญาต การออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียน และการแจ้งในการขออนุญาตดำเนินการต่าง ๆ จะต้องติดต่อกับส่วนราชการหลายแห่ง อีกทั้งกฎหมายบางฉบับไม่ได้กำหนดระยะเวลา เอกสารและหลักฐานที่จำเป็นรวมถึงขั้นตอนในการพิจารณาไว้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดความคลุมเครือ อันเป็นการสร้างภาระแก่ประชาชนอย่างมากและเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวอีกว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวจึงเห็นควรให้มีกฎหมายกลางที่จะกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต รวมทั้งจัดให้มีช่องทางในการรับคำขอ ณ จุดเดียว และมีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตกับประชาชน โดยในการพิจารณาจัดทำร่างกฎหมายนั้น ได้นำหลักการของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมาเป็นหลักการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนของประชาชนและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของภาครัฐ การสร้างให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ โดยการลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ เปิดเผยขั้นตอน ระยะเวลาให้ประชาชนทราบ เพื่อเป้าหมายอันเป็นหัวใจสำคัญของกฎหมาย ก็คือ การอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า โดยพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินการแล้วจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้รับบริการที่มาติดต่อกับหน่วยงานราชการได้หลายประการ

ประการแรก เมื่อประชาชนผู้รับบริการไปติดต่อขอรับบริการตามหน่วยราชการต่าง ๆ จะพบกับ “คู่มือสำหรับประชาชน” ที่จะทำให้ทราบถึงวิธีการยื่นคำขอ ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณา เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ยื่นพร้อมคำขอและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะประกาศไว้ให้เห็นชัดเจน ทำให้ประชาชนสามารถเตรียมการและวางแผนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างชัดเจน เพราะมีประกาศให้ประชาชนรับทราบถึงขั้นตอน ระยะเวลา และรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องดำเนินการ สิ่งเหล่านี้ทำให้การปฏิบัติราชการมีความชัดเจน โปร่งใส ไม่คลุมเครือ ซึ่งเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ภาครัฐผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้ง จะเพิ่มช่องทางในการให้บริการโดยสามารถยื่นคำขอผ่านทาง “สื่ออิเล็กทรอนิกส์” แทนการยื่นคำขอด้วยตนเองได้

ประการที่สอง ในการรับคำขอของประชาชนผู้รับบริการเจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอจะต้องตรวจสอบคำขอและเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน หากพบว่าเอกสารไม่ถูกต้องหรือขาดเอกสารใด ต้องรีบแจ้งให้ประชาชนผู้มารับบริการทราบทันที หากไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ในขณะนั้น ต้องบันทึกข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่ต้องยื่นเพิ่มเติม พร้อมกำหนดเวลาที่ประชาชนผู้รับบริการต้องดำเนินการไว้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสามารถขอเอกสารเพิ่มเติมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อเป็นการลดความล่าช้าในเรื่องการพิจารณาเอกสารของเจ้าหน้าที่ลง

ประการที่สาม การพิจารณาคำขอของหน่วยงานราชการต้องดำเนินการให้เสร็จตามที่ได้ประกาศไว้ ในคู่มือสำหรับประชาชน และต้องแจ้งเหตุผลให้ประชาชนผู้รับบริการทราบภายใน 7 วัน หากไม่สามารถพิจารณาเสร็จภายในกำหนด ก็ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ประชาชนผู้รับบริการทราบด้วย ซึ่งถือเป็น

ภาระรับผิดชอบของหน่วยงานราชการที่จะต้องดำเนินการ

ประการที่สี่ เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบริการของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพโดยจะพัฒนาศูนย์บริการร่วมของหน่วยงานกระทรวงและจังหวัดที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว ให้สามารถรับคำขออนุญาตงานบริการต่าง ๆ ของแต่ละกรมภายใต้กระทรวงเดียวกัน หรือของหลาย ๆ หน่วยงานในจังหวัดได้ และในระยะต่อไปจะพัฒนาไปสู่การจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับคำขอที่ประชาชนสามารถยื่นคำขอ เอกสารหลักฐาน ค่าธรรมเนียม ณ ศูนย์รับคำขออนุญาตแทนหน่วยงานต่าง ๆ ได้” หรือที่เรียกว่าศูนย์บริการร่วม (One Stop Service Center)

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวอีกว่า พระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์กับการปฏิรูประบบราชการ ทำให้ลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ในขณะเดียวกันประชาชนได้รับความสะดวกสบาย สร้างจิตสาธารณะ (Service Mind) พร้อมและเต็มใจที่จะบริการประชาชนที่มาติดต่อราชการด้วยความคล่องตัวและสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ตอนท้ายของการแถลงข่าว นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการ ก.พ.ร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้กล่าวว่า การดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวสำนักงาน ก.พ.ร. ได้เตรียมการไว้เป็นแผนการดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะแรก ส่งเสริมสนับสนุนหน่วยงานราชการให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 180 วัน และการดำเนินการในระยะหลังจาก 180 วัน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบการให้บริการภาครัฐ โดยในระยะแรก ได้จัดเตรียมดำเนินการ ดังนี้

1) จัดเตรียมแนวทางการจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำคู่มือดังกล่าว พร้อมจัดทำคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติฯ และเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ www.opdc.go.th

2) กำหนดจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการพระราชบัญญัติฯ โดยมี รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 ณ โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ ให้กับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ด้วย

3) กำหนดจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ ในส่วนภูมิภาคให้กับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยดำเนินการใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2558

4) กำหนดจัดคลินิกให้คำปรึกษา 20 กระทรวง และ 76 จังหวัด ช่วงเดือนมีนาคม 2558 เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับร่างคู่มือสำหรับประชาชนที่หน่วยงานได้จัดทำไว้เบื้องต้นแล้ว

5) กำหนดรูปแบบของศูนย์บริการร่วมโดยการร่วมปรึกษาหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ได้รูปแบบของศูนย์บริการร่วมที่เหมาะสมที่จะสามารถรับคำขออนุญาตและชี้แจงเกี่ยวกับการอนุญาตได้ตรงตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัตินี้ และนำรูปแบบที่ได้เสนอไปเป็นแนวทางให้กระทรวงและจังหวัดดำเนินการปรับปรุงศูนย์บริการร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อรองรับพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายภายในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ และสำนักงาน ก.พ.ร. จะแจ้งให้กับสื่อมวลชน และประชาชนรับทราบเป็นระยะต่อไป

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน

ดวงใจ กล่อมจิตต์ ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ