รองโฆษกรัฐบาลเผยยอดตัวเลขการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นส่งผลเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ข่าวทั่วไป Tuesday February 10, 2015 16:42 —สำนักโฆษก

รองโฆษกรัฐบาลเผยรองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตรฯ สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งเดินหน้าป้องกันปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนและการให้ความช่วยเหลือภัยแล้งในพื้นที่ซ้ำซาก ขณะที่ตัวเลขการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นส่งผลเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

วันนี้ (10 ก.พ. 58) เวลา 13.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่รองนายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องที่หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยชี้แจงเกี่ยวกับตัวเลขการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในหลายโอกาสว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนมกราคมของปีนี้ พบว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการใช้จ่ายภายในประเทศมี จำนวนถึง 40,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคมของปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 36,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดัชนีชี้วัดของเศรษฐกิจในประเทศไทยเริ่มจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนเมษายน 2558 เศรษฐกิจจะมีแนวโน้มหรือทิศทางที่ดีขึ้นมากน้อยกว่าเดิ่มเพียงใด ซึ่งขณะนี้มีโรงงานที่ได้รับการใบอนุญาต ประมาณ 4,234 โรงงาน และมีการแจ้งเริ่มประกอบการแล้ว จำนวน 2,026 โรงงาน ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งดัชนีที่สามารถชี้วัดถึงเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งเป้าหมายของการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2557 กำหนดไว้ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม แต่ในเดือนมกราคม 2558 มีการเบิกจ่ายงบประมาณที่เป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 42 % เป็นรายจ่ายลงทุน จำนวน 12 % และเป็นงบประมาณกันเหลื่อมปี ประมาณ 27% ขณะที่เป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2558 ได้กำหนดงบประมาณรายจ่ายประจำจะต้องดำเนินการให้ได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนงบประมาณรายจ่ายเรื่องการลงทุนต้องดำเนินการให้ได้ 30 % และงบประมาณกันเหลื่อมปีจะต้องดำเนินการให้ได้ 45 % แต่ขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด รองนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐไปเร่งดำเนินการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณแต่ละประเภทตามที่ฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลกำหนด และให้สำนักงบประมาณรวบรวมรายละเอียดการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวของทุกกระทรวง ทบวง กรม เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะได้ช่วยติดตามเร่งรัดอีกทางหนึ่ง เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดติดต่อกันหลายวันที่ผ่านมาว่าแม้การเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียจะลดน้อยลง แต่ยังเกินมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนด จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางและสัญจรไปมาของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทั้งในส่วนของระบบราง ถนน หรืออากาศ ไปประชุมหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการต่อใบอนุญาตใบขับขี่ต่าง ๆ รวมถึงการบริการสาธารณะ เช่น รถสาธารณะ รถบรรทุก เป็นต้น

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งเดินหน้าป้องกันปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนและการให้ความช่วยเหลือภัยแล้งในพื้นที่ซ้ำซาก โดยเฉพาะที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้ความช่วยเหลือหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ซึ่งกำชับให้ร้อยละ 50 ของเงินที่ใช้ในโครงการ ต้องเป็นค่าจ้างแรงงานของประชาชนในพื้นที่ เช่น การจัดทำบ่อเก็บกักน้ำในชุมชน การจัดทำเครื่องมืออุปกรณ์ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ พร้อมกำชับให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ