พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย” และเปิดงานวันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2558 ณ บริเวณลานน้ำพุด้านหน้าอาคารกระทรวงแรงงาน ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าการพัฒนาเรื่องมาตรฐานการช่างไทย เรื่องมาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นสิ่งสำคัญของประชาคมโลก และประชาคมอาเซียน ต่อไปนี้การเชื่อมต่อการทำงานจะเชื่อมกันทั้งภูมิภาคอาเซียนและในโลก และจะกำหนดว่าใครจะมีฝีมือต้องกำหนดกันด้วยมาตรฐาน วันนี้ประเทศไทยของเรามีมาตรฐานฝีมือซึ่งเทียบเท่ามาตรฐานฝีมือสากล กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติขึ้นเพื่อที่จะให้การรับรองช่างไทยในแต่ละสาขาให้เป็นมาตรฐานสากลและมาตรฐานโลก สำหรับปี 2558 ตั้งเป้าในการพัฒนาฝีมือแรงงานในทุกสาขาอาชีพให้ได้ 4 ล้านกว่าคน และตั้งเป้าจัดทำมาตรฐานสาขาอาชีพเพิ่ม 50 สาขา อาทิ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการประกาศสาขาอาชีพที่เป็นอันตรายต่อสาธารณะ เช่น ช่างเชื่อมในอาคาร ช่างเดินไฟฟ้าในอาคาร ช่างแอร์ ซึ่งทำให้เกิดอันตราย ดังนั้นต่อไปผู้ที่ทำงานในลักษณะนี้ต้องมีใบรับรองจึงจะสามารถทำงานเหล่านั้นได้ ส่วนการกำหนดค่าตอบแทนที่สูงขึ้นในสาขาที่มีฝีมือสูงกว่าปกติ ในระยะต้นต้องมองว่าเขาเป็นช่างฝีมือที่มีความสามารถ เป็นที่ต้องการและฝีมือต้องสูงกว่าปกติแต่อย่างน้อยคนที่จะทำงานเหล่านี้ได้ต้องมีใบเอกสารรับรอง และต้องมีความเสี่ยง เขาก็ต้องได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น แต่จะได้เท่าไหร่นั้นขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดในรายละเอียด
“เรื่องมาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นสิ่งสำคัญของประชาคมโลก และประชาคมอาเซียน ต่อไปนี้การเชื่อมต่อการทำงานจะเชื่อมกันทั้งภูมิภาคอาเซียนและในโลก ซึ่งจะรู้ว่าใครมีฝีมือต้องกำหนดกันด้วยมาตรฐาน วันนี้ประเทศไทยของเรามีมาตรฐานฝีมือซึ่งเทียบเท่ามาตรฐานฝีมือสากล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานไทย ได้รับการยกระดับฝีมือให้เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ถือเป็นความสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังแรงงานให้มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการที่ดีแก่ผู้บริโภค และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ฉะนั้นมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติจึงเป็นเครื่องมือวัดความสามารถของแรงงาน ทั้งในความรู้ ทักษะฝีมือ และทัศนคติในการทำงาน ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้สูงขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานในด้านสวัสดิการ การได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม และการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมแก่แรงงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ
กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
“กระทรวงแรงงาน บริการด้วยใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th