รมว.แรงงาน “เข้มงวด” คุ้มครองแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Friday March 13, 2015 17:23 —สำนักโฆษก

รมว.แรงงาน “เข้มงวด” คุ้มครองแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมฯ ระดมข้อมูลหลายภาคส่วนช่วยปรับปัญหาโครงสร้าง จัดระเบียบบริษัทจัดหางานฯ ยุคใหม่ต้องทำสัญญาคุณธรรม

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับนางสุภางค์ จันทวานิช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคม ว่า กระทรวงแรงงานมีความตั้งใจที่จะดูแลแรงงานไทยทุกคน ซึ่งไม่เพียงแต่คนที่ทำงานในประเทศเท่านั้น คนที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศก็จะได้รับความคุ้มครองเช่นกัน เนื่องจากเป็นผู้ที่ส่งรายได้กลับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ยอมรับว่าปัญหาแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศเป็นปัญหาระดับโครงสร้าง มิใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้เพียงลำพังโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กระทรวงแรงงานต้องประสานความร่วมมือกับหลายภาคส่วน โดยจะได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อการแก้ปัญหาแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ขึ้นภายในเดือนมีนาคม 2558 ประกอบด้วยผู้แทนจากหลายภาคส่วน อาทิภาครัฐที่เป็นข้าราชการจากกระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศ ภาคการเมือง ภาควิชาการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทรงความรู้ ภาคองค์กรพัฒนาเอกชน NGOs และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาช่วยกันดูแลปัญหา และแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงวางกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้จะได้กำหนดให้บริษัทจัดหางานไปต่างประเทศที่มาขอจดทะเบียนใหม่ต้องทำสัญญาคุณธรรมก่อน เพื่อแก้ปัญหาการเอาเปรียบคนหางานที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการทำงานด้านจิตวิทยา ส่วนด้านกฎหมายก็ต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติม ว่า ปัจจุบันการจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ได้ปรับเป็นการดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เป็นส่วนใหญ่ โดยจะมากขึ้นกว่าเดิม เช่น กรณีเดินทางไปทำงานประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี เป็นต้น สำหรับประเทศอิสราเอล มีแรงงานไทยไปทำงานประมาณ 2.6 หมื่นคน สัญญาจ้างที่ไปโดยบริษัทจัดหางานจะเริ่มหมดภายใน 3 ปี ดังนี้ ในปี 2558 ประมาณ 4 พันคน ในปี2559 จำนวนประมาณ 7 พันคน และในปี 2560 จำนวนประมาณ 2.5 พันคน ต่อจากนั้นจะเป็นการเดินทางไปทำงานแบบรัฐต่อรัฐเท่านั้น และที่ผ่านมากระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางาน และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) ได้เข้ามาดูแลให้คนหางานเสียค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 70,000 บาท ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางผ่านบริษัทจัดหางานในระบบเดิม ประมาณ 230,000 ถึง 280,000 บาท

สืบเนื่องจากมีผลการวิจัยขององค์การด้านสิทธิมนุษยชนพบว่า แรงงานไทยในอิสราเอลประสบปัญหา เช่น ที่พักไม่ถูกสุขลักษณะ ทำงานเกินเวลา ได้รับค่าจ้างล่าช้าไม่ตรงตามกำหนด และบางรายได้รับค่าจ้างต่ำกว่ากฎหมายกำหนด ความเป็นอยู่ยากลำบากเผชิญปัญหาอากาศแปรปรวน มีปัญหาด้านสุขภาพ นางสุภางค์ จันทวานิช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคม จึงขอเรียกร้องให้กรมการจัดหางาน ระงับการส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลจนกว่าจะแก้ปัญหาได้เรียบร้อย และขอให้รัฐบาลไทยได้มีการเจรจากับประเทศอิสราเอลเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ทางกลุ่มภาคประชาสังคมจะดำเนินการส่งหนังสือรายงานข้อเท็จจริงและข้อเรียกร้องไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศลูกค้าที่ซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศอิสราเอลด้วยว่ามีปัญหาแรงงานไทยถูกละเมิดสิทธิด้านแรงงานในประเทศอิสราเอล ซึ่งขณะนี้ประเทศอิสราเอลถูกขึ้นบัญชีที่ระดับเทียร์ 1 เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการแก้ปัญหาที่แรงงานไทยประสบอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

กระทรวงแรงงาน “บริการด้วยใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ”

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ