นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของนายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่มีบทบาทสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงและการจัดตั้งคลังสมองด้านความมั่นคง ซึ่งไทยสนใจที่จะแลกเปลี่ยนความรู้จากสถาบันดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทยว่า รัฐบาลมุ่งมั่นปฏิรูปการเมืองไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด ขณะนี้ไทยอยู่ในขั้นที่ 2 ของ Roadmap ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ไทยยังมีแนวนโยบายที่เน้นพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้พื้นฐานเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นผลให้เกิดการขยายตัวทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอีกด้วย สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยรัฐบาลมุ่งลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเครือข่ายคมนาคมทางรถไฟ ส่งเสริมความเชื่อมโยงและการรวมตัวทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เขตเศรษฐกิจพิเศษ ในระยะแรก
รัฐบาลยังส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศในไทย ในลักษณะ Thailand +1 หรือการร่วมลงทุน (Joint Venture) ซึ่งไทยมีศักยภาพด้านที่ตั้ง สามารถเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และขณะเดียวกัน รัฐบาลก็สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทยในต่างประเทศ และอินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่นักธุรกิจไทยให้ความสนใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ได้แก่ การก่อสร้าง การแปรรูปสินค้า และธุรกิจท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ไทยยังพร้อมขยายความร่วมมือกับอินเดียในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งชาวอินเดียนิยมเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานในไทย และการพิจารณาขยายเส้นทางการบินระหว่างเมืองสำคัญของไทยและอินเดีย เพื่อรองรับการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ไทยยินดีที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดียจะเข้ามาลงทุนหรือใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ ในไทย
ไทยยังสนับสนุนการประชุม JC ไทย-อินเดีย ครั้งที่ 7 (ระดับรัฐมนตรี) เพื่อผลักดันประเด็นที่คั่งค้างและหารือแนวทางขยายความร่วมมือระหว่างกัน อาทิ การพิจารณาข้อตกลงในความร่วมมือ FTA การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และลู่ทางความร่วมมือด้านวิชาการและการค้า และพร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีอินเดียเดินทางเยือนไทยในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป
ในโอกาสนี้ ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของนายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวว่า ได้นำคำกล่าวถวายพระพรของนายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอทรงพระเจริญมีพระพลานามัยแข็งแรง พร้อมมั่นใจว่าการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและอินเดียในทุกมิติรวมทั้งด้านความมั่นคง
ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของนายกรัฐมนตรีอินเดีย ยังได้กล่าวสนับสนุนแนวคิดและวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี ในการขยายความร่วมมือระหว่างไทยและอินเดีย ในการส่งเสริมภาคเอกชนไทยและอินเดีย ขยายโอกาสทั้งด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการแพทย์ โดยเห็นว่าอินเดียมีฐานประชากรจำนวนมาก ดังนั้นไทยและอินเดียสามารถร่วมมือกันเพื่อการผลิต (Joint Production) เพื่อลดต้นทุน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคของทั้งสองประเทศ ด้วย
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์/สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th