ไทย-เวียดนามเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกัน

ข่าวทั่วไป Monday April 27, 2015 15:59 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ นายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 26

วันนี้ (27 เมษายน 2558) เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับ นายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ โรงแรม Meritus Pelangi ลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ภายหลังการหารือ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง โดยเห็นว่าความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามมีความคืบหน้า ตั้งแต่การเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา และใช้โอกาสนี้ขอบคุณรัฐบาลเวียดนาม ที่ได้จะกราบบังคมทูลฯเชิญ สมเด็จพระเทพพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนในฐานะแขกของรัฐบาล ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558

ด้านความสัมพันธ์ ไทย- เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อผลสำเร็จ ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย-เวียดนาม (JCBC) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19-20 มี.ค.58 โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเวียดนามเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นประธานร่วมในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 ด้วย เพื่อผลักดันความมือที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามหวังว่า จะมีการพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆจากนี้ไป โดยเฉพาะด้านแรงงาน ที่น่าจะมีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้ทันในช่วงการประชุมดังกล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามเห็นว่า ทั้งสองประเทศควรเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 40 ปีในปี 2559 ด้วย

ด้านความร่วมมือด้านการคมนาคม และการพัฒนาความเชื่อมโยง เวียดนามได้ตอบรับที่จะร่วมมือกับไทย ในการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ โดยไทยเสนอให้มีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มเรือท่องเที่ยวชายฝั่ง การเพิ่มเที่ยวบิน charter flight และส่งเสริมท่าเรือสำหรับจอดเรือยอร์ช ที่สมุยกับภูเก็ต โดยหวังที่จะเชื่อมโยงสู่เมืองท่องเที่ยวในเวียดนามด้วย

ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองต่างยืนยัน ความตั้งใจที่จะขยายการค้าระหว่างกัน ให้บรรลุเป้าหมาย 15,000 ล้นดอลลาร์สหรัฐ ภายใน5ปี (2020) และหากเป็นไปได้ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะเร่งรัดให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวในเวลาที่เร็วขึ้น นอกจากนี้ ไทยพร้อมที่จะสนับสนุน การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม เพื่อลดการขาดดุลการค้ากับไทย และจะสนับสนุนการจัดการแสดงสินค้าเวียดนามในไทย โดยในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ เวียดนามพิจารณาผ่อนผันการระงับการออกใบอนุญาตนำเข้าชั่วคราวสำหรับผลไม้ 4 ชนิดของไทย (มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย และเงาะ) ซึ่งเวียดนามรับที่จะไปพิจารณาในรายละเอียด

ด้านการลงทุน ไทยขอบคุณเวียดนามที่สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทย และไทยยินดีที่จะสนับสนุนการลงทุนของธุรกิจเวียดนามเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ไทยเห็นว่า เวียดนามอาจจะพิจารณา สนับสนุนให้ธนาคารเวียดนามเปิดสาขาในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นก้าวแรก ในการอำนวยความสะดวก แก่การค้าและการลงทุนของเวียดนามในไทย

ความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ความพยายามของไทยในการดูแลแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแรงงานเวียดนามในประเทศไทยด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องแรงงานประมงในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม เนื่องจากไทยยังขาดแคลนแรงงานประมงอยู่มาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีความร่วมมือเรื่องการทำการประมงร่วมกัน ระหว่างไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย

ความร่วมมือด้านการเกษตร นายกรัฐมนตรีต้องการที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรให้มากขึ้น โดยเฉพาะยางพาราและข้าว เนื่องจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในปัจจุบัน ส่งผลต่อภาคเกษตรของทั้ง 2 ประเทศ

ด้านนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์ในทุกมิติ พร้อมตอบรับคำเชิญให้เวียดนามประชุม ครม.ร่วมอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 และการดูแลคนเวียดนามที่อยู่ในประเทศไทยเป็นอย่างดี

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ