สหรัฐฯตั้งเป้าขึ้นเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย

ข่าวทั่วไป Thursday June 11, 2015 16:53 —สำนักโฆษก

นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรี

ว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย(Mr. Patrick Murphy)ด้วยความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ทั้งสองฝ่ายที่มีมานานกว่า 182 ปี โดยได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายด้าน

ก่อนที่เอกอัครราชทูตคนใหม่จะเข้ามารับตำแหน่งเร็วๆนี้

โดยในด้านการค้าสหรัฐฯแจ้งว่าร่างกฎหมาย GSP ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว

เมื่อเดือนพฤษภาคามที่ผ่านมา ขณะนี้รอรัฐสภาสหรัฐเห็นชอบ หากรัฐสภาสหรัฐฯเห็นชอบก็จะทำให้ไทยส่งออกสินค้าภายใต้สิทธิ GSP ไปยังสหรัฐฯได้ต่อไปและเพิ่มมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ อาหารปรุงแต่ง เครื่องดื่ม ถุงมือยาง ผลไม้ปรุงแต่ง เลนส์แว่นตา และชุดสายไฟ เป็นต้น

อุปทูตสหรัฐฯกล่าวว่าปัจจุบันสหรัฐฯเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของไทยรองจากจีน และญี่ปุ่น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2010 การค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการค้าเฉลี่ย 35,560.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน ซึ่งในปัจจุบันสหรัฐฯมีบริษัทที่ทำการค้าในไทยประมาณ 500 บริษัท และยังอยากที่จะคงความสัมพันธ์ทางการค้าแบบนี้ต่อไป

โดยตั้งเป้าหมายอยากที่จะขึ้นเป็นคู่ค้าอันดับ 1 พร้อมทั้งจะขอให้ไทยเปืดตลาดเนื้อวัว เนื้อหมูติดกระดูก และผลิตภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายไทยโดย อย. และกรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้อง

กับข้อกำหนดของ OIE อยู่ เนื่องจากประเทศไทยเองก็ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค

ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เชิญชวนนักธุรกิจสหรัฐฯเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าให้ก้าวขึ้นเป็นคู่ค้าอันดับ 1 กับไทยตามที่สหรัฐฯตั้งเป้าไว้

ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะหารือในรายละเอียดเรื่องต่างๆ เพื่อผลักดันการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยในปี 2014 ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 23,891.61 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.09 และสหรัฐฯเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 3 ของไทย รองจากจีน และญี่ปุ่น โดยไทยนำเข้าจากสหรัฐ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 14,579.60 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.34 ในแง่การลงทุนสหรัฐฯถือเป็นนักลงทุนต่างชาติลำดับที่ 4

ที่เข้ามาลงทุนในไทยรองจาก ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และไต้หวัน มีโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ได้รับ BOI ในปี 2014 จำนวน 38 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 50,158 ล้านบาท

ด้านการเมืองขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการดำเนินงานตาม Roadmap ในระยะที่ 2 ที่มุ่งเน้นการตรวจสอบ ปฎิรูป และเร่งฟิ้นฟูประชาธิปไตยที่แท้จริงและเหมาะสมกับประเทศ ประเทศไทย ส่วนเรื่องการแก้ปัญหา TEER 3 และ IUU ยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก และแรงงานที่ถูกบังคับ โดยกำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ และจะมุ่งมั่นเดินหน้าขจัดปัญหาให้หมด ซึ่งอุปทูตสหรัฐได้แสดงความชื่นชม

ส่วนการประชุมภายใต้กรอบความตกลงการค้าการลงทุนไทย-สหรัฐ หรือที่เรียกว่า TIFA-JC เป็นเวทีสำคัญของทั้งสองฝ่ายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนให้เพิ่มขึ้น และหวังว่าจะมีการจัดประชุม TIFA -JC อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้อุปทูตสหรัฐฯ ยังได้เสนอข้อเสนอในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และ Training Program ด้านทรัพย์สินทางปัญญากับไทย ซึ่งจะได้หารือกันในระดับเจ้าหน้าที่ต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ