วันนี้ (11 มิถุนายน 2558) ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ 2012 ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคที่เกาหลีอย่างใกล้ชิด ประเทศไทยจะต้องเตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีโอกาสที่เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าสู่ประเทศได้จากการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศจำกัดการเดินทาง ประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการคือความพร้อมของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นจุดตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ไอ เพื่อควบคุมจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้เร็วที่สุด ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ และขอความร่วมมือโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทุกแห่ง ให้จัดจุดตรวจรักษาผู้ป่วยนอกที่มีอาการไข้ ไอ คล้ายไข้หวัด แยกออกจากผู้ป่วยนอกอื่นๆ ให้ผู้ป่วยทุกคนใส่หน้ากากอนามัย บริการเบ็ดเสร็จที่จุดเดียวเพื่อลดการปะปนกับผู้ป่วยอื่น และซักประวัติการเดินทางจากต่างประเทศทุกราย และได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ขอความร่วมมือไปยังคลินิกต่างๆ ส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว และมีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่ด้วย
ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะกล่าวต่อว่า ได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดห้องแยกโรคมาตรฐาน ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการสงสัยโดยเฉพาะ และกำชับบุคลากรการแพทย์ทุกคนทุกระดับ เคร่งครัดมาตรการป้องกันการติดเชื้อขั้นสูงสุด เพื่อความปลอดภัยทั้งบุคลากรและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล รวมทั้งให้ซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีห้องแยกแล้ว 69 แห่ง และที่โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย ในระยะยาวจะขอความร่วมมือโรงพยาบาลรัฐอื่นๆ และโรงพยาบาลเอกชน จัดทำห้องแยกโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจรุนแรงด้วย ขณะนี้มีที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ รวมทั้งการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยสงสัยระหว่างโรงพยาบาลจะต้องมีรถพยาบาลโดยเฉพาะ ไม่ให้ผู้ป่วยเดินทางเอง
สำหรับมาตรการการเฝ้าระวังจุดเข้าออกระหว่างประเทศ ได้ให้เจ้าหน้าที่จัดระบบการคัดกรอง ติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิอัตโนมัติที่สนามบินนานาชาติทุกแห่ง และการแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางที่สนามบิน การให้คำแนะนำบนสายการบินต่างๆ ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับการเฝ้าระวังโรคอีโบลาที่ยังคงระบบมาจนถึงขณะนี้ โดยไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อเมอร์สโควีแต่อย่างใด
ที่สำคัญคือ ต้องขอความร่วมมือประชาชนหากเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ 25 ประเทศ ในแถบตะวันออกกลาง ยุโรป และเอเชีย ที่มีรายงานพบผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการไข้หรือไอ ระหว่างอยู่บนเครื่องบินขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ของสายการบินนั้นๆ ทันที เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง และขอให้ประชาชนที่เป็นไข้ ไอ มีน้ำมูก ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรค นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ สำนักจุฬาราชมนตรี กรมการศาสนา บริษัทนำเที่ยว ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโรคเมอร์ส โควี
มิถุนายน 2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th