รัฐบาลแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ ยืนยันจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อหากระทำความผิดมาลงโทษให้ได้

ข่าวทั่วไป Tuesday August 18, 2015 09:44 —สำนักโฆษก

วันนี้ (17ส.ค.58) เวลา 23.45 น. พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด พร้อมด้วย พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพันเอก วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหมแยกราชประสงค์ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สรุป ดังนี้

จากกรณีที่มีเหตุการณ์ระเบิดขึ้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร ของช่วงค่ำวันนี้ เวลา 19.00 น. นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีบัญชาจัดให้มีการแถลงข่าวเป็นกรพิเศษเพื่อที่จะเรียนชี้แจงรายละเอียดและข้อมูลสำคัญให้กับประชาชนได้รับทราบ

วันนี้ เวลา 19.00 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร ทันทีที่มีการรายงานการเกิดเหตุระเบิด นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาสั่งการให้พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยละเอียด ทั้งนี้ ในรายงานการเกิดเหตุระเบิดดังกล่าวพบว่า มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่พิสูจน์ทราบเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดได้เข้าควบคุมพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้มีการนำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงในเขตกรุงเทพมหานครแล้วทั้งสิ้น 11 แห่ง ส่วนกรณีผู้ที่เสียชีวิตนั้นกำลังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบรายชื่อและพิสูจน์อัตลักษ์เพื่อที่จะติดต่อให้ญาติและครอบครัวทราบโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และติดต่อประสานงานกับล่ามเพื่ออำนวยความสะดวกและแจ้งข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้กับทางครอบครัวและญาติผ่านทางสถานทูตโดยเร็วต่อไป

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างสุดซึ้ง ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการตามมาตรการทุกอย่าง อย่างเต็มความสามารถเพื่อที่จะสืบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่บ่งการ และผู้ที่มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ด้วยความรอบคอบ ใช้ดุลยพินิจในการนำเสนอภาพข่าว เนื่องด้วยมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามที่จะฉกฉวยสถานการณ์นำข้อมูลภาพต่าง ๆ ที่นำเสนอและมีการเผยแพร่กัน โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย ไปขยายผล ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียกับประเทศไทยมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้เพิ่มขึ้นไปอีก

นอกจากนั้น ขอให้ประชาชนทุกส่วนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารสำคัญได้จากสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในส่วนของราชการ โดยรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะนำเรียนข้อมูลทั้งหลายให้ได้รับทราบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ

สำหรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นข่าวลือว่าในวันพรุ่งนี้ (18ส.ค.58) จะมีการปิดส่วนราชการ โรงเรียน และสถาบันการเงินนั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยส่วนต่าง ๆ ยังมีการปฏิบัติงานตามปกติ อย่าไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้วนั้น จะมีการปิดการจราจรในบริเวณถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกเพลินจิตไปจนถึงแยกอังรีดูนังต์ ตั้งเวลานี้ไปถึงกระทั่งถึงเวลา 12.00 น. ของวันพรุ่งนี้เท่านั้น

พร้อมกันนี้ รัฐบาลขอความกรุณาประชาชนทุกคนได้ร่วมกันสอดส่อง ดูแล ช่วยแจ้งเบาะแส ข้อมูลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งบอกเหตุ สิ่งผิดปกติ วัตถุต้องสงสัย หรือบุคคลต้องสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ที่อยู่ใกล้ที่สุดทราบ หรือสามารถแจ้งผ่านโทรศัพท์หมายเลข 191 ได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่ออำนวยความสะดวกรับข้อมูลข่าวสารจากประชาชนตลอดเวลา รวมทั้งขอให้ประชาชนทุกส่วนอยู่ในความสงบอย่าได้ตื่นตระหนก เพราะในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านความมั่นคงได้เข้าควบคุมพื้นที่ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุและพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนเรียบแล้ว

สำหรับในส่วน คสช. จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยืนยันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และยังอยู่ในระดับที่เจ้าหน้าที่สามารถดูแลควบคุมได้ โดยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และไม่มีคำสั่งให้ปิดสถานที่ราชการ หรือสถานศึกษาแต่อย่างใด รวมถึงยืนยันกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ 10 พื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกได้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเช่นกัน อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนในการเผยแพร่ภาพและข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนการบริโภคข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปด้วยความระมัดระวัง และให้ติดตามข่าวสารที่มีการนำเสนอจากทางราชการเป็นหลัก เพราะเกรงว่าจะทำให้สถานการณ์บานปลายเกินกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ